เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปีมาแล้วร่วม ๆ 10 วัน อากาศยังคงแปรปรวน เช้า ๆ อากาศเย็นถึงหนาว แต่พอสาย ๆ บ่าย ๆ อากาศร้อนระอุ แถมยังมีหมอกควันหนาแน่นบางวัน
ช่วงนี้ของปี จะบอกว่าเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการล้มหมอนนอนเสื่อ ทั้งจากสภาพอากาศร้อน-หนาว และคุณภาพของอากาศที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับการหายใจสักเท่าไหร่
เรื่องวุ่นวายรอบตัวยังคงมีให้เห็นอยู่ทุกวัน ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการถูกหลอกโอนเงินที่มีข่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง หนำซ้ำรูปแบบของการหลอกลวงยังคงพัฒนาให้แยบยลขึ้น จนทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ ทั้งที่ระมัดระวังตัวกันที่สุดแล้ว
อยู่ยากกันขึ้นไปทุกวัน ๆ แล้วครับ
ส่วนสภาพเศรษกิจโดยรวมจากการเปิดประเทศ ทำให้เราเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ดอย ภูเขา ชายหาด และวัดวาอารามต่าง ๆ คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ
คงทำให้การกระจายตัวของเงิน แพร่กระจายลงไปถึงรากหญ้า หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจที่ซบเซามาหลายปี ให้ได้ฟื้นคืนกันอีกครั้ง
ที่จั่วมาจนถึงขนาดนี้ก็อยากจะโยงมาที่เรื่องการเงินในวงการฟุตบอลบ้านเรา จากการที่ “บิ๊กฮั่น” ได้โพสต์ข้อความในทำนอง “ทวง” เงินอุดหนุนที่ทางไทยลีกสัญญาว่าจะจ่ายให้ แต่เวลาล่วงเลยมาจะผ่านเลกแรกไปแล้ว เงินอุดหนุนเหล่านั้นกลับจ่ายให้กับแต่ละทีมเพียงน้อยนิด และไม่ตรงกับห้วงเวลาที่ควรจะเป็น
ก็อย่างที่เราทราบกันว่า เงินที่ไทยลีกได้รับจากการสนับสนุนนั้น ลดน้อยลงจากห้วงหลายปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้หดหายไป
แต่ก็เป็นหน้าที่ของไทยลีกที่จะแสดงความสามารถในการหาผู้สนับสนุนเพื่อมาทำให้ฟุตบอลลีกของประเทศในทุกระดับ เพื่อให้ฟุตบอลลีกเดินหน้าต่อไปได้ แม้เงินสนับสนุนจะเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงินที่แต่ละสโมสรหามาบริหารสโมสรเอง แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้ และให้ในเวลาที่เหมาะสม
โดยเฉพาะในลีกล่างที่การหาผู้สนับสนุนนั้นก็ยากลำบากเต็มที เงินสนับสนุนจากไทยลีกก็น้อยนิด แถมยังจ่ายให้ล่าช้าอีก ฐานรากจะง่อนแง่นจนส่งผลกระทบไปถึงโครงสร้างด้านบนอาจจะไปกันไม่รอด
3 ลีกหลักที่สภาพตอนนี้ยังคงไม่แข็งแกร่ง แต่การมาของลีกที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า เซมิ-โปร ลีก หรือลีกกึ่งอาชีพ จะช่วยให้ลีกอาชีพแข็งแกร่งขึ้น หรือเข้ามาแชร์ทรัพยากรที่น้อยนิดอยู่ตอนนี้ แถมไทยลีก 3 ก็ยังไม่รู้ว่าผู้สนับสนุนหลักเพิ่งถูกปิดช่องทางทำกินไปแล้ว เงินสนับสนุนจะเป็นยังไง
ถ้าจะมองตอนนี้ ดูท่าทางแล้ว การกระจายเปิดลีกขึ้นมาใหม่ กับงบสนับสนุนไทยลีกที่มีอยู่ตอนนี้ คงไม่น่าจะทำให้ลีกเข้มแข็งขึ้นแน่ ๆ แม้ผู้สนับสนุนลีกน้องใหม่จะเป็น PTT Lubricants และ FIT Auto ที่ทุนทรัพย์จะดูมากโขอยู่ก็ตาม
น่าเป็นห่วงจริง ๆ ครับ ว่าหนทางข้างหน้าจะพากันก้าวเดินไปสู่ความยั่งยืนในรูปแบบไหน หรือฐานรากที่ไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร จะส่งผลไปถึงลีกด้านบนในรูปแบบไหนกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมานัดที่ 18 ของไทยลีก 1 จ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าเก็บแต้มนำโด่งเป็นจ่าฝูงต่อไป กับสถิติที่กำลังจะถูกสร้างใหม่ และลบสถิติที่ค่อยสวยหรูนักก่อนหน้านี้
การเจอกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ดในช่วงหลัง จะเป็นฝ่ายกระต่ายแก้วที่ทำผลงานได้ดีกว่า แต่นัดล่าสุด สถิตินั้นก็ถูกลบเสียที
ส่วน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ กับ เสมอ อย่างละนัด อีก 3 นัดเป็นการพ่ายแพ้ ดูช่างเป็นสถิติไม่สู้ดีนัก
ส่วนอันดับตามมาที่คั่วอันดับ 2 ต่างก็เก็บชัยชนะกันได้ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ชลบุรี เอฟซี ราชบุรี เอฟซี และ เชียงราย ยูไนเต็ด
ท้ายตาราง ลำปาง เอฟซี เก็บได้เพียงแต้มเดียว ส่วน หนองบัว พิชญ เอฟซี และ ลำพูน วอริเออร์ เพื่อนร่วมพื้นที่สีแดง ต่างก็พังพาบกัน ไม่เว้นแม้แต่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ พีที ประจวบ เอฟซี พื้นที่สีส้ม ก็พ่ายแพ้มาเช่นกัน
หลังจากจบนัดที่ 18 ก็มีข่าวคราวการเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอน รายแรกก็เป็น การท่าเรือ เอฟซี ที่แยกทาง แมตต์ ฮอลแลนด์ ที่เป็นรักษาการณ์หัวหน้าผู้ฝึกสอนแล้วตั้ง โชคทีวี พรหมรัตน์ คู่กับ สุรพงษ์ คงเทพ มาทำหน้าที่แทน
สถิติ 5 นัดหลังของ การท่าเรือ เอฟซี เก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว เสมอ กับ แพ้ อย่างละ 2 นัด ขัดใจกับขุมพลังนักเตะและขุมพลังทางการเงินเป็นอย่างมาก
อีกทีมก็คือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่กำลังอยู่ในพื้นที่สีส้ม 5 นัดหลัง ชนะนัดเดียว แพ้ไปถึง 4 หมดเวลาสำหรับ เควิน แบล็คเวลล์ กุนซือชาวอังกฤษ ที่บอร์ดบริหารดึงมาทำทีมตั้งแต่การจากไปของ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เมื่อฤดูกาลก่อน
เก้าอี้หัวหน้าผู้ฝึกสอนเปลี่ยนกลับมาเป็นของ “โค้ชโจ” อีกครั้ง แน่นอนว่าภารกิจคือการพาทีมรอดตกชั้นให้ได้ เพราะตอนนี้ทีมเองจากผลงานแบบนี้ทำให้ช่องว่าจากโซนตกชั้นแค่แต้มเดียว ผลการแข่งขันนัดเดียวทำให้เปลี่ยนตำแหน่งกันได้ไม่ยาก
ไทยลีก 2 สัปดาห์ล่าสุด 2 ทีมหัวตารางเจ้าของตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติ นัดกันแพ้ แต่ใช่ว่าแค่ 2 ทีมหัวตารางเท่านั้น แต่อันดับ 3 – 6 ในพื้นที่เพลย์ออฟมีแค่ อยุธยา ยูไนเต็ด ทีมเดียวเท่านั้นที่เก็บ 3 แต้มได้
แพร่ ยูไนเต็ด กับ นครปฐม ยูไนเต็ด จบเกมที่ผลเสมอ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้าน เท่ากับว่าจบสัปดาห์นี้ ทีมกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นผลงานไม่ดีเอาเสียเลย
โดยเฉพาะ สุพรรณบุรี เอฟซี การพ่ายแพ้นัดนี้ถือเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน แฟนบอลช็อค เกิดอะไรขึ้นกับทีมกันแน่
ช่องว่างแค่ 3 คะแนน ตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติในมือตอนนี้เริ่มสั่นแล้วหล่ะครับ หากยังไปเร่งคืนฟอร์ม อาจจะเหนื่อยหนักถ้าอยากเลื่อนชั้นกลับไปใน 1 ฤดูกาลหลังตกชั้น
กลุ่มท้ายตาราง ยกเว้น อุดรธานี เอฟซี ที่เหลือโอกาสรอดชั้น ตกชั้น ยังคงต้องขับเคี่ยวกันต่อไป และขยายวงกว้างให้ 5 – 6 ทีมที่ต้องมาร่วมวงหนีตกชั้นกัน
เครดิตภาพ : FB Think Curve – คิดไซด์โค้ง , FB Thaileague
by TTDad