พรุ่งนี้แล้ว( 6 กุมภาพันธ์ 2564) การแข่งขันในรอบ ออมสิน ลีก เนชั่นนัล แชมเปี้ยนชิพ (แชมเปี้ยนส์ลีกเดิม) เพื่อหาทีมเลื่อนชั้นสู่ เอ็ม 150 แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2021 ก็จะได้ฤกษ์ฟาดแข้งกันแล้ว ซึ่งแชมป์โซนจะได้เป็นเจ้าบ้าน 3 นัด เป็นทีมเยือน 2 นัด และรองแชมป์โซน จะได้เป็นเจ้าบ้าน 2 นัด เป็นทีมเยือน 3 นัด มาดูผลการจับสลากประกบคู่การแข่งขัน และความพร้อมของแต่ละทีมกันครับ
กลุ่มตอนบน
– โซนตะวันออก : ปลวกแดง ยูไนเต็ด (แชมป์โซน) ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี (รองแชมป์โซน)
– โซนตะวันออกเฉียงเหนือ : อุดร ยูไนเต็ด (แชมป์โซน) เมืองเลย ยูไนเต็ด (รองแชมป์โซน)
– โซนเหนือ : ลำพูน วอริเออร์ (แชมป์โซน) พิษณุโลก เอฟซี (รองแชมป์โซน)
เริ่มจากกลุ่มตอนบน โซนเหนือ แชมป์โซน ลำพูน วอริเออร์ จบการแข่งขันในฐานะแชมป์ เก็บไปทั้งหมด 39 แต้ม จาก 15 นัด ชนะ 13 แพ้ 2 ยิงไป 31 ประตู ในจำนวนนี้ 12 ประตูมากจากดาวซัลโวประจำทีม นาธาน โอลิเวียร่า และเสียไปแค่ 6 ประตู น้อยสุดในระดับ T3 ที่สำคัญคือเก็บคลีนชีตไป 12 จาก 15 นัด ผลงานในลีก 5 นัดหลังสุด ชนะไป 4 แพ้ไปแค่เกมเดียว
ถือเป็นทีมที่ถูกกล่าวถึงในสื่อกีฬามากที่สุดทีมหนึ่งใน T3 จากการประกาศเป้าหมายเลื่อนชั้นตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูกาล ด้วยงบทำทีมที่ว่ากันว่าไม่น้อยหน้าลีกบน ๆ การเซ็นสัญญากับกองกลางมากประสบการณ์ อดีตทีมชาติไทย ผู้ผ่านประสบการณ์มากมายในลีกสูงสุด อดุล หละโสะ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ลงสนามบัญชาการเกมในแดนกลางทั้ง 15 นัด เช่นเดียวกับกองหลังตัวหลัก ต่อศักดิ์ สะอาดเอี่ยม
เป้าหมายของทีมในฤดูกาลนี้มีอยู่เรื่องเดียวคือต้องเลื่อนชั้นเท่านั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าในรอบเนชั่นนัล แชมเปี้ยนชิพ คงต้องเต็มที่กับทุกเกม เพื่อรักษาเป้าการเลื่อนชั้นให้ได้ การได้เจา เปาโล เซเรส มาเติมเต็มในเกมรุกอีกคนในช่วงท้ายของตลาดนักเตะ รวมถึงในเลกที่ 2 ก็ได้ใช้งาน “โฟรแบร์” อนันต์ ยอดสังวาลย์ “เทพเดินสาย” กับผลงาน 2 นัด และยิงได้ตั้งแต่นัดแรก น่าจะเป็นอีกจุดที่จะทำขุนพล ราชันโคขาว เพิ่มความมั่นใจที่จะขยับเข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งโอกาสก็มีไม่น้อยที่จะได้เห็นชื่อของ ลำพูน วอริเออร์ ในลีกพระรองฤดูกาล 2021
ขยับมาที่ทีมรองแชมป์โซนเหนือ พิษณุโลก เอฟซี ที่ผ่านการชี้ชะตาแบบ “ฮิมต๋าย ฮิมยัง” ด้วยการดวลเพลย์ออฟชนะ แม่โจ้ ยูไนเต็ด 2-1 จาก “ฟรีคิกปลิดวิญญาณ” ฝีมือ ฉัตรชัย นาควิจิตร ในช่วงท้ายเกม ส่งให้ “ขุนพลนเรศวร” คว้าตั๋วใบสุดท้ายของกลุ่มตอนบน
ผลงานในลีก แข่งน้อยกว่าทีมในกลุ่มหัวตารางที่ 14 นัด เก็บไป 32 แต้ม จากการชนะ 10 เสมอ และแพ้ อย่างละ 2 นัด (ไม่นับเพลย์ออฟ) ยิงไป 25 และเสียไป 8 ลูก เป็นทีมที่ถือสถิติไร้พ่ายติดต่อกันถึง 10 นัดในลีก โดนผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีกก่อนเพลย์ออฟ ชนะ 4 เสมอ 1 แต่ก็ยิงประตูคู่แข่งได้ไม่เยอะ พังประตูคู่แข่งในบ้านไปได้ 16 ลูก นอกบ้านยิงไปแค่ 9 ลูก
โดยรวมถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ด้วยทีมงานบริหารชุดใหม่ที่ดันให้ทีมมาอยู่ในกลุ่มหัวตารางประจำโซนได้อีกครั้ง กองหลังยังคงเชื่อใจได้ เสียประตูน้อย มีอภิเดช จันสีทา และ อัครเดช สถานทุง ในแนวรับ แดนกลางมี กิตินันท์ สุทธิวิริยะกุล จับคู่กับ KOKI NARITA ดาวซัลโวประจำทีม ฉัตรชัย นาควิจิตร กดไปได้ 10 ตุงในลีก
เป็นอีกทีมที่เคยเกรียงไกรในโซนภาคเหนือ แต่การเข้ามาในรอบนี้ ถือว่าเส้นทางที่จะเลื่อนชั้นขึ้นนั้นไม่ง่ายเลย เมื่อคู่แข่งในฤดูกาลนี้ถือว่าโหดหินเอาการ รวมถึงการที่ต้องออกไปเยือนถึง 3 นัด ผลการจับสลากดูจะไม่เป็นใจเท่าใดนัก แต่กำลังใจจากการล้ม แม่โจ้ ยูไนเต็ด ในนัดก่อน น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาทำผลงานได้ดีมากขึ้นในรอบนี้
ถัดมาเป็นโซนตะวันออกเฉียงเหนือ อุดร ยูไนเต็ด แชมป์โซน เก็บไปทั้งหมด 46 แต้มจากการลงเล่น 16 นัด ชนะถึง 15 เสมอแค่ 1 ไม่แพ้ใคร ยิงไป 63 ประตู เหนือกว่าทุกทีมในระดับ T3 แต่ก็เสียไป 17 ประตู เป็นแชมป์โซนแบบไร้ความกังวลใด ๆ เรียกว่านอนมาในฐานะแชมป์ประจำโซนตั้งแต่เริ่มฤดูกาล
การเป็นทีมที่เน้นเกมรุกอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยอาวุธถล่มประตูร่างยักษ์ ยาเดล คาปริสตราโน่ ที่กดไปคนเดียว 22 ตุง ไม่ว่ากองหลังทีมใดได้พานพบคงต้องกุมขมับแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่ ยาเดล เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สร้างปัญหาให้คู่ต่อสู้ ชาวิน ธีรวัจน์ศรี กองหน้าเนื้อหอมชาวไทยอีกคนก็พังตาข่ายคู่ต่อสู้ปถึง 11 ครั้ง จากการลงสนาม 9 นัด
จึงเป็นอีกทีมที่เป็นแคนดิเดตเลื่อนชั้นในกลุ่มตอนบนอย่างไม่ต้องสงสัย จากทีมธรรมดาที่ไม่มีอะไร แต่มีพี่เลี้ยงอย่างหนองบัวพิชญ เอฟซี แม้นี่ไม่ใช่เป้าหมายแรกของทีมเมื่อตอนเริ่มลีก แต่เมื่อผลงานที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีดีพอจะเล่นในลีกพระรอง ก็คงต้องมาดูกันต่อว่า ผลงานจะยังดีต่อเนื่องจนถึงฝั่งได้หรือไม่ การตกรอบ เอฟเอคัพ จากน้ำมือของ ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด อาจเป็นผลดีเมื่อโฟกัสของเกมจะมาอยู่ที่การเลื่อนชั้นอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว
มาต่อกันที่รองแชมป์โซนตะวันออกเฉียงเหนือ เมืองเลย ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 ด้วยผลงาน 37 แต้มจากการลงเล่น 16 นัด ชนะ 12 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงไป 35 ประตู เสียไปแค่ 9 ประตู สถิติ ไม่เสียประตูในบ้าน 5 นัดในลีก จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 4 แพ้ 1 นัดที่ชนะไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว
ลูกทีมชองโค้ชบู ชำนาญ แพรขุนทด เป็นผู้เล่นที่เล่นกันมานาน ทำให้เข้าใจกันเป็นอย่างดี นโยบายการพัฒนาเยาวชนท้องถิ่นขึ้นสู่ทีมใหญ่ เปิดโอกาสให้เด็กในท้องถิ่นมีเวทีพัฒนาฝีเท้า รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรลูกหนังกับพี่ใหญ่ไทยลีก การท่าเรือ เอฟซี เป็นอีกแรงหนุนที่ทำให้ผลงานในปีนี้ยังคงเปรี้ยงปร้างเพียงพอให้คว้าตั๋วใบที่สองของโซนได้สำเร็จ
จุดเด่นคือทีมที่เล่นบอลเป็นทีม ช่วยกันเล่นอย่างมีวินัย การเสียไปเพียงแค่ 9 ลูก แสดงให้เห็นความเหนียวแน่นของเกมรับที่มีดาวเด่นอย่าง ณัฐวุฒิ สาและ และ เจษฎา กันหา ช่วยกันขันเกมรับให้แน่นหนา สถิติการทะลวงคู่แข่ง 35 ลูก มีอาบูบาก้า จูเนียร์ เป็นเจ้าของถึง 11 ลูก เครื่องจักรถล่มประตูชาว
ถือเป็นทีมที่มีประสบการณ์ในลีกอาชีพน้อย เมื่อเทียบกับหลายทีมในรอบนี้ แต่การเล่นในบ้านถือเป็นจุดเด่นของพวกเขา โดยเฉพาะในช่วงหลังเป็นทีมที่เสียประตูยากมาก ใครที่คิดจะทะลวงตาข่าย “นักรบเซไล” คงต้องคิดยุทธวิธีเข้าจู่โจมให้หลากหลายมากหน่อย ภาพรวมคงดูสถานการณ์นัดต่อนัด ถ้าให้พูดถึงตอนนี้ มีโอกาสทรอดแทรกเข้าไปจองชื่อเล่นลีกพระรองปีหน้าได้เช่นกัน
โซนสุดท้ายของกลุ่มบน โซนตะวันออก ที่มี ปลวกแดง ยูไนเต็ด เป็นแชมป์โซน ผลงาน 39 แต้มจากการลงเล่น 17 นัด ชนะ 12 เสมอ 3 แพ้ 2 ยิงไป 43 ประตู เสียไป 15 ประตู เกมในบ้านในฤดูกาลนี้แพ้ไปแค่เกมเดียว ผลงานในลีก 5 นัดหลังสุด ชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 1 ยิงไป 12 เสีย 7
แม้เป็นทีมที่ปรับมาจากไทยลีก 4 ฤดูกาลที่แล้ว แต่ผลงานของทีมปีนี้ที่โค่น “จงอางผยอง” ขอนแก่น ยูไนเต็ด ทีมไทยลีก 2 ไป 3 – 2 ทั้งที่โดนนำในครึ่งแรก 2 ลูก ใน “ช้างเอฟเอคัพ” รอบคัดเลือก คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ลูกทีมของโค้ชลิง วิมล จันทร์คำ แสดงให้เห็นถึงความไม่ย่อท้อ จนจบการแข่งขันในฐานะแชมป์โซนได้ ถือเป็นทีมที่เล่นดีในบ้านทีมหนึ่ง
เกมรับที่บัญชาการโดย ยุวราช ดำสูงเนิน และอนุยุต หมัดเหล็ม ดาวซัลโวประจำทีม อัลแบร์โต โมไรรา กูเอวา ในลีกฤดูกาลนี้กดไปคนเดียว 11 ลูกจากการลงสนาม 15 เกม ตามมาด้วย อนุรักษ์ ยืนหาร ที่กดไปอีก 10 ประตู ถ้าคิดเฉพาะในบ้าน ปลวกแดง พังตาข่ายคู่แข่งไปแล้ว 23 จาก 8 เกม หรือเฉลี่ยแล้ว แฟนบอลจะได้เฮกันทุกครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว
แม้จะเป็นทีมที่ข้ามมาจาก T4 แต่ผลงานการจบอันดับ 1 ในโซนได้นั้นแสดงให้เห็นว่า อาจเป็นอีกทีมที่มีโอกาสสอดแทรกมาคว้าตั๋วขึ้นไปลีกพระรองได้เหมือนกัน เกมในบ้านถือเป็นจุดแข่งหนึ่งของพวกเขา ปล่อยให้ผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พวกเขาดีพอ หรือแค่มีชื่อเข้าร่วมโม่แข้งกันแน่
ทีมสุดท้ายของกลุ่มตอนบน รองแชมป์โซนตะวันออก ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี จบอันดับ 2 ด้วยคะแนนที่น้อยกว่าแชมป์แค่แต้มเดียว เก็บไป 38 แต้มจากการลงเล่น 17 นัด ชนะ 11 เสมอ 5 แพ้ไปแค่ 1 นัด ในฤดูกาลนี้เป็นอีกทีมที่ยังไม่ปราชัยในบ้าน ยิงไป 37 ประตู เสียไป 9 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีกเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด เสียแค่ลูกเดียวเท่านั้น แถมยังกดคู่แข่งไปท่วมท้น 15 ประตู
ผลงานในเลก 2 ก่อนยุติการแข่งขัน ปลากัดนักสู้ กวาดชัยชนะรวด 6 นัด แถมเสียประตูน้อยมาก ค่าเฉลี่ยในฤดูกาลนี้ในลีก ต้องเล่น 170 นาทีกว่าจะเสีย 1 ประตู เกมในบ้านเชื่อใจได้ ไม่มีใครมาเอาแต้มออกไปได้เลยในลีก เกมรับมี ยศพร อินทร์ทอง และ ก้องพล พลอยประไพ คอยรับมือคู่ต่อสู้ แดนกลาง ปฎิรูป สัญจรเลิศ กิตติชัย มาตรศาลา แดนหน้า สราวุธ เชิญชัย จัดการไปคนเดียว 12 ลูก แถมยังมี ไคโอ ดา คอนไซเซา ซิลวา มาเติมในเลกสองอีกด้วย
เด่นเหลือเกินในช่วงหลัง เป็นบอลเกมรุกที่เล่นกันดุดัน เสียประตูน้อย แต่เกมนอกบ้านยังคงต้องพยายามทำให้ดีเหมือนยามเล่นในรัง ประสบการณ์เล่นในรอบนี้ไม่เป็นรองคู่แข่งร่วมกลุ่ม ถ้าเกมในบ้านยังคงทำผลงานได้แข็งแกร่งเช่นนี้ รวมกับเกมนอกบ้านถ้าทำได้ดี พวกเขามีโอกาสที่จะเบียดแย่งตั๋วไปลุยลีกพระรองได้เช่นกัน
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่มตอนบน
นัดแรก: เสาร์ 6 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. ปลวกแดง ยูไนเต็ด – ลำพูน วอริเออร์
16.00 น. พิษณุโลก เอฟซี – เมืองเลย ยูไนเต็ด
16.00 น. อุดร ยูไนเต็ด – ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี
นัดที่ 2: เสาร์ 13 กุมภาพันธ์ 2564
18.00 น. ลำพูน วอริเออร์ – ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี
16.00 น. อุดร ยูไนเต็ด – พิษณุโลก เอฟซี
16.00 น. ปลวกแดง ยูไนเต็ด – เมืองเลย ยูไนเต็ด
นัดที่ 3: เสาร์ 20 กุมภาพันธ์ 2564
18.30 น. ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี – ปลวกแดง ยูไนเต็ด
16.00 น. เมืองเลย ยูไนเต็ด – อุดร ยูไนเต็ด
18.00 น. ลำพูน วอริเออร์ – พิษณุโลก เอฟซี
นัดที่ 4: เสาร์ 27 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. พิษณุโลก เอฟซี- ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี
16.00 น. เมืองเลย ยูไนเต็ด – ลำพูน วอริเออร์
16.00 น. อุดร ยูไนเต็ด – ปลวกแดง ยูไนเต็ด
นัดที่ 5: เสาร์ 6 มีนาคม 2564
16.00 น. ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี – เมืองเลย ยูไนเต็ด
16.00 น. ปลวกแดง ยูไนเต็ด – พิษณุโลก เอฟซี
18.00 น. ลำพูน วอริเออร์ – อุดร ยูไนเต็ด
กลุ่มตอนล่าง
– โซนตะวันตก : เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด (แชมป์โซน) ราชประชา (รองแชมป์โซน)
– โซนใต้ : สงขลา เอฟซี (แชมป์โซน) กระบี่ เอฟซี (รองแชมป์โซน)
– โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล : ม.นอร์ทกรุงเทพ (แชมป์โซน) บางกอก เอฟซี (รองแชมป์โซน)
มากันที่กลุ่มตอนล่าง เริ่มที่โซนตะวันตก เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด แชมป์โซน ด้วยผลงานที่เก็บไป 42 แต้มจากการลงเล่น 17 นัด ชนะ 13 เสมอ 3 แพ้ไปแค่ 1 นัด ยิงไปถึง 50 ประตู เสียไป 13 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะรวดทั้ง 5 นัด ยิงไป 13 เสียแค่ 2 ลูก
ถือเป็นทีมเต็งทีมหนึ่งของกลุ่มตอนล่าง ด้วยชื่อชั้นของนักเตะในทีม นำทัพมาด้วย “กัปตันกบ” สุเชาว์ นุชนุ่ม ที่กลับมาบ้านเกิดในช่วงสุดท้ายของการเป็นนักเตะอาชีพ รวมถึงนักเตะเกรดเอ อาทิ กรวิทย์ นามวิเศษ ปฎิภาณ อุ่นอบ ดิยุฟ บิรัม มากันขนาดนี้แชมป์โซนจึงไม่หลุดหายไปไหน
แม้โค้ชที่พาทีมคว้าแชมป์โซน “โค้ชโป้ง” กฤษ มีศรีสุข จะไม่ได้ไปต่อในรอบนี้ แต่การมาของ เซอร์เด็จ กลับจะยิ่งทำให้ค้างคาวตะวันตกทีมนี้ ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก ด้วยชื่อชั้นนักเตะ บวกกับกุนซือมากประสบการณ์คงมองอะไรนอกจากการขึ้นชั้นไม่ได้อย่างแน่นอน สำหรับเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด
ถัดมารองแชมป์โซนตะวันตก ราชประชา ผลงานในลีก เก็บได้ 39 แต้มจากการลงเล่น 17 นัด ชนะ 12 เสมอ 3 แพ้ไป 2 นัด ยิงไป 40 ประตู เสียไป 10 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 4 แพ้ 1 ยิงไป 15 เสีย 3 ประตู เข้าป้ายมาเป็นอันดับที่ 2
สโมสรเก่าแก่ทีมหนึ่งในวงการลูกหนังเมืองไทย แถมได้พี่เลี้ยงอย่างบีจี ปทุม ยูไนเต็ด คอยช่วย จึงมีนักเตะอย่าง สุวรรณภัทร กิ่งแก้ว ผู้เล่นเกมรับที่ทีมจ่าฝูงไทยลีกปล่อยให้มาช่วย แดนกลางยังมี อังเจลโล่ มาชูก้า “พ่อมดลีกรอง” ชาวปารากวัย ส่วนแดนหน้า รณชัย รังสิโย กองหน้าจอมเก๋าที่กดไปคนเดียว 12 ประตูจาก 17 นัดที่ลงเล่น เหล่านี้คือผู้เล่นสำคัญที่ช่วยพา ราชประชา คว้าตั๋วเข้ามาเล่นในรอบแชมเปียนส์ลีกในฐานะรองแชมป์โซนตะวันตก
ด้วยขุมกำลังในชุดปัจจุบัน คงยังกาชื่อ ตราชฎา ออกจากทีมเต็งที่จะได้เลื่อนชั้นไม่ได้ ใครประมาท อาจถึงกับน้ำตาตกได้ การเลื่อนชั้นไปลีกพระรองของ “ตราชฎา” คงไม่ไกลเกินกว่าที่จะคิดฝัน
มาต่อกันที่ โซนใต้ แชมป์ประจำโซน สงขลา เอฟซี เก็บไปทั้งหมด 37 แต้มจากการลงเล่น 16 นัด ชนะ 12 เสมอ 1 แพ้ 3 ยิงไป 29 ประตู เสียไปถึง 16 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 4 แพ้ 1 ยิงไป 9 เสีย 5 ประตู ส่วนใน เอฟเอ คัพ ก็เพิ่งตกรอบมาด้วยการแพ้ต่อ ราชบุรี มิตรผล ในเกมที่เล่นเต็ม 120 นาทีอีกด้วย
ด้วยแนวทางการทำทีมที่เน้นการสร้างฐานนักเตะจากท้องถิ่นเฉกเช่นต้นแบบ แอธเลติก บิลเบา แห่งสเปน และเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรกับการท่าเรือ เอฟซี เห็นได้ชัดว่าแนวการใช้นักเตะ เป็นนักเตะในแดนใต้เกือบ 80%
การเล่นของสงขลาในปีนี้ ยิงประตูได้ค่อนข้างน้อย เฉลี่ยไม่ถึง 2 ประตูต่อนัด แต่เสียเฉลี่ยนัดละ 1 ประตู ดาวซัลโวสูงสุดของทีม อับดุสสาลาม สาม่าน ยิงไป 8 ลูก จาก 12 เกมที่ลงเล่น ส่วนรอบนี้ได้กองหลังอดีตผู้เล่น ชลบุรี เอฟซี ชลทิตย์ จันทคาม มาช่วยขันเกมรับให้แน่นมากขึ้น พ่วงด้วยการดึง วสันต์ สมานสินธุ์ มาจาก เอ็มโอเอฟ ศุลกากร รวมถึง อิสรุฟัน ดอรอแม มาเสริมในเลก 2 เช่นเดียวกัน
การเสริมทีมในช่วงเลกสอง ป็นการแก้ไขเพื่อปิดจุดอ่อนทั้งในเกมรุกที่ยิงได้น้อย และเกมรับที่ยังเสียประตูค่อนข้างเยอะ ก็ต้องดูว่า “โค้ชโดนัท” จะใช้ดีกรี “โปรไลเซ่นซ์” ปลุกแข้งสงขลา ให้ผ่านรอบนี้ไปได้หรือไม่เพราะมองคู่แข่งร่วมกลุ่มถือว่าไม่มีทีมไหนง่ายเลย
ตามติดมาด้วยรองแชป์โซนใต้ กระบี่ เอฟซี เก็บแต้มในลีกไป 35 แต้มจากการลงเล่น 17 นัด ชนะ 10 เสมอ 5 แพ้ 2 ยิงไป 43 ประตู เสีย 17 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 1 ยิงไป 10 แต่ก็เสียถึง 8 ลูก
อินทรีย์อันดามัน ทีมที่จวนเจียนจะอยู่จะไปจากวงการลูกหนังแดนใต้ ปัญหามากมายที่รุมเร้าในช่วง 2-3 ปีหลัง ทั้งที่ก่อนเริ่มฤดูกาล ประกาศพักทีมไป แต่จนแล้วจนรอดก็กลับมาส่งทีมลงแข่งและยังคงพาทีมมาจบที่รองแชมป์โซนได้สำเร็จ การได้ จอร์จ เคลเบล มาจากราชประชา ที่ทำคนเดียวถึง 15 ประตู จาก 16 นัด คว้าดาวซัลโวโซนใต้ไปครอง พ่วงด้วยการยืมนักเตะ
ในรอบนี้พวกเขาเตรียมทีมมาเป็นอย่างดี เนื่องจากพอเห็นเค้าลางของการลงเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีกมานานพอดู แต่ก็ไม่ได้คาดหวังถึงการเลื่อนชั้น เพราะประเมินศักยภาพของคู่ต่อสู้ร่วมกลุ่มแล้ว ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย ดังนั้นจึงมุ่งเป้าหมายไปที่การทำผลงานให้ดีที่สุดในแต่ละนัด สร้างความสุขให้แฟนบอล เท่านี้ก็บรรลุเป้าหมายของทีมแล้ว
โซนสุดท้าย โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล แชมป์โซน ม.นอร์ทกรุงเทพ มี 46 แต้มจากการลงเล่น 20 นัด ชนะ 14 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงไป 39 ประตู เสียไป 10 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 3 เสมอ 2 ยิงไป 12 เสีย 3
เป็นทีมมหาวิทยาลัยที่ใช้แข้งวัยรุ่นเป็นหลัก ว่ากันว่า ถ้าจะใช้นักเตะ U23 ลงเล่นทั้งทีม ก็คงมีแค่อาชาผยองเท่านั้นที่พร้อมจะใส่ชื่อลงไปได้ทุกตำแหน่ง เกมริมเส้นที่ค่อนข้างดุดัน เป็นอีกเอกลักษณ์ของทีม จนจบตำแหน่งแชมป์โซนเมืองหลวงได้
เกมรับมี วีรยุทธ จิตรขุนทด เป็นตัวหลัก แต่อนุกูล ฟอมไธสง ปิดเทอมยาวก่อนเพื่อนไปแล้ว แต่ก็ยังมีตัวอื่นมาทดแทนได้ โดยเฉพาะเยาวชนในทีมที่มีล้นเหลือ กองกลาง ชานุกูล ก๋ารินทร์ ที่ลงครบทั้ง 20 นัดแถมยิงได้น้อยกว่าดาวซัลโวประจำทีม ชโนทัจน์ พิพัฒน์มงคลชัย ที่ยิงไป 7 ลูก แค่ลูกเดียว
เป็นทีมพลังหนุ่มขนานแท้ ถ้าปรับจูนกันดี ๆ กับการลงเล่นในฐานะเจ้าบ้าน 3 นัด ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีใครบุกมาฉกแต้มออกไปจากรังได้หรือไม่ แต่ถ้าถึงตอนนี้คงยังไม่กล้ากาชื่อแชมป์โซนเมืองหลวงออกจากโควต้าเลื่อนชั้นในฐานะ “ม้านอกสายตา” เป็นแน่นอน
ทีมสุดท้ายของกลุ่มตอนล่าง ที่เพิ่งระเบิดฟอร์มกำราบคู่ต่อสู้นัดเพลย์ออฟ โซนกรุงเทพฯ ปริมณฑลลงได้ 6-2 บางกอก เอฟซี กับผลงานในลีก ไม่นับนัดเพลย์ออฟ มี 46 แต้มจากการลงเล่น 20 นัด ชนะ 13 เสมอ 5 แพ้ 2 ยิงไป 40 ประตู เสียไป 18 ประตู ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 4 เสมอ 1 ยิงไป 10 เสีย 4
เป็นทีมเดียวที่มีเอกลักษณ์ของการเป็นโททัลฟุตบอลค่อนข้างชัดเจน จากอิทธิพลของ โค้ชระดับ ยูฟ่า เอ ไลเซ่นซ์ เซบาสเตียน นูมันน์ แม้บางเกมอาจมองเป็นไดเร็กฟุตบอลก็มองได้ แถมสไตล์ยังดุดันทั่วสนาม การเก็บไปได้ 40 ประตูในลีก มาจาก อิบราฮิม อาบู 9 ลูก ตามมาด้วย บรรลือ ทองเกลี้ยง อีก 8 ลูก เกมรับ สุทธิรักษ์ จันทรุพันธ์ ก็ทำผลงานได้ดี แถมยังเปิดบอลได้แม่น เข้ากับสไตล์ของทีม เชาวสิทธิ์ ทรัพย์สกุลผล ในแดนกลางที่ลงเล่นทุกเกม แถมยังกดไปอีก 5 ลูก
การเป็นทีมที่เพิ่งชนะเลพย์ออฟเข้ามาได้ กำลังใจ และความฮึกเหิมถือว่าอยู่ในขีดสูงสุด สไตล์การเล่นที่ดุดัน เพรสซิ่ง น่าจะทำให้คู่แข่งร่วมกลุ่มเล่นในเกมของตัวเองได้ไม่ง่ายนัก ในบ้านถือเป็นจุดแข็งที่ยิงเฉลี่ย 2.5 ลูก ในแต่ละนัด แต่ก็เสียประตูนัดละลูกเช่นกัน โดยรวมแล้วหากลดการเสียประตูลงได้ ก็ยังพอมีลุ้นที่จะกลับไปลีกพระรองได้เช่นกัน หลังจากอยู่ตรงนี้มานานพอควร
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่มตอนล่าง
นัดแรก: อาทิตย์ 7 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด – สงขลา เอฟซี
16.00 น. บางกอก เอฟซี – ราชประชา
16.00 น. ม.นอร์ทกรุงเทพ – กระบี่ เอฟซี
นัดที่ 2: อาทิตย์ 14 กุมภาพันธ์ 2564 น.
16.00 น. สงขลา เอฟซี – กระบี่ เอฟซี
16.00 น. ม.นอร์ทกรุงเทพ – บางกอก เอฟซี
16.00 น. เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด – ราชประชา
นัดที่ 3: อาทิตย์ 21 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. กระบี่ เอฟซี – เมืองกาญจน์
17.00 น. ราชประชา – ม.นอร์ทกรุงเทพ
16.00 น. สงขลา เอฟซี – บางกอก เอฟซี
นัดที่ 4: อาทิตย์ 28 กุมภาพันธ์ 2564 น.
16.00 น. บางกอก เอฟซี – กระบี่ เอฟซี
17.00 น. ราชประชา – สงขลา เอฟซี
16.00 น. ม.นอร์ทกรุงเทพ – เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด
นัดที่ 5: อาทิตย์ 7 มีนาคม 2564
16.00 น. กระบี่ เอฟซี – ราชประชา
16.00 น. เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด – บางกอก เอฟซี
16.00 น. สงขลา เอฟซี – ม.นอร์ทกรุงเทพ
เครดิตภาพ
https://www.facebook.com/สโมสรฟุตบอล อุดรยูไนเต็ด