สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่การ แข่งขันกีฬา ที่มวลมนุษยชาติให้ความสนใจ โอลิมปิก โตเกียว 2020 ยังคงดำเนินการแข่งขันกันมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดทัพนักกีฬาของไทยจากเดิมที่ได้เหรียญทองแรกมาตั้งแต่เริ่มต้นมหกรรมการแข่งขัน แต่ถึงวินาทีนี้อย่างเป็นทางการ เราได้เพิ่มมาอีก 1 เหรียญทองแดง จากมวยสากลสมัครเล่นหญิง
ทำให้ทัพนักกีฬาของไทยทำผลงานในครั้งนี้นับถึงปัจจุบัน 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง เป็นผลงานจากนักกีฬาหญิงทั้งสองเหรียญ และคาดว่าน่าจะจบเท่านี้
การแข่งขันในครั้งนี้ ภาพรวมของการจัดการแข่งขัน ก็ต้องยอมรับในมาตรฐานการจัดการยี่ห้อ “ญี่ปุ่น” ที่ยังคงมาตรฐานการจัดการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง ไม่แปลกใจว่ามหกรรมกีฬาสำคัญ ๆ มักมีชื่อผู้จัดการแข่งขันเป็นญี่ปุ่น
ส่วนการแข่งขันที่จะว่าไปก็คงเป็นรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นเพราะสนามการแข่งขันทุกสนาม ไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าไปชมการแข่งขันได้ จะมีก็แต่ทีมงานและนักกีฬาของแต่ละชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน ไปคอยให้กำลังใจกันเท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นบรรดาตุ๊กตา และ “สิ่งเทียม” แทนผู้ชม ไว้สร่างกำลังใจให้นักกีฬา
มันก็เลยดูจะหงอยเหงาไปสักหน่อยสำหรับการแข่งขันที่สี่ปีจะมีซักครั้งอย่างเช่น โอลิมปิก ในครั้งนี้ แน่นอนว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของกีฬาโอลิมปิก
นอกจากภาพรวมของการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว ในแต่ละครั้งก็มักจะมีเหตุการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นในการแข่งขันในหลากหลายประเภท ที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬาของไทยก็มีหลายประเด็นด้วยกัน
เริ่มจากการแข่งขันขี่ม้า อีเว้นติ้ง ประเภทครอสคันทรี นักกีฬาไทยลงแข่งขัน 3 คน อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ (ม้า Boleybawn Prince) และ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ (ม้า Carnival March) ประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้าในระหว่างแข่งขัน ส่วน กรธวัช สำราญ (ม้า Bonero K) ต้องเจอกับปัญหาม้าปฏิเสธเครื่องอุปกรณ์ในการกระโดด ครบ 3 ครั้ง ทำให้แข่งไม่จบการแข่งขัน
สุดท้าย ผู้จัดการทีมขี่ม้าไทย ได้ทำหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทีมขี่ม้ารวมถึงทีมสัตวแพทย์ตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง (Jumping) เพื่อสวัสดิภาพที่ดีของม้าในอนาคต และการรักษาสภาพร่างกายม้าให้สมบูรณ์ต่อการแข่งขันในระยะยาว
แน่นอนว่าการตัดสินใจนั้นไม่ง่ายเลย กับการแข่งขันกีฬาที่จัดทุก 4 ปี แถมยังต้องผ่านการคัดเลือกมากมายกว่าจะได้เข้ามาร่วมการแข่งขัน แต่ถ้าฝืนแล้วทำให้มีผลต่ออนาคต และที่สำคัญกับสวัสดิภาพของ “สัตว์” ที่เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ก็น่าสนับสนุน
ส่วนประเด็นที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ คงไม่มีใครไม่พูดถึง นั่นคือการได้แค่ “เหรียญทองแดง” ของ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี ที่หลายสำนักพร้อมใจกันใช้คำว่า “พลาดท่า” พ่ายคู่ปรับเก่าหวุดหวิด ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น “แต้ว” น่าจะก้าวข้ามไปชิงเหรียญทองได้จากผลการชก แต่สิ่งที่หยุดเส้นทางของ “แต้ว” นั้นกลับเป็นผลการให้คะแนนของกรรมการ
มวยสากลสมัครเล่น ยังเป็นหนึ่งชนิดกีฬาที่ใช้การ “ให้คะแนน” จากกรรมการ ไม่เหมือนกีฬาประเภทอื่นที่ตัดสินจากผลการแข่งขัน ไม่ว่าจะด้วยเวลา ระยะทาง ความสูง เป็นต้น
ปัญหาการให้คะแนนในกีฬามวยสากล จริง ๆ ก็ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น ไทยเราเอง หรือหลาย ๆ ชาติ ก็เคยเจอปัญหาการให้คะแนนมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกดนับหมัด หรือจะเป็นการให้คะแนนเมื่อครบยกก็ตาม มักเจอปัญหาเกือบทุกครั้ง
ซึ่งถ้าว่ากันไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้เอนเอียงเข้าข้างในฐานะคนไทยด้วยกัน ผลการให้คะแนนของกรรมการทั้ง 3 ยก จะเรียกว่า “ค้านสายตา” ก็คงไม่ผิดไปจากนี้
แต่ในกรณีของแต้วเองก็ยังพออ้างเหตุที่ความสูสี และตำแหน่งมุมมองของกรรมการที่ให้คะแนน อาจทำให้บางจังหวะ “ไม่เห็น” การออกหมัดที่เข้าเป้า แต่ในรายของ ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ นักชกทีมชาติโคลอมเบีย ที่ไล่ถลุง เรียวเมะ ทานากะ นักชกทีมชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะในยกที่ 3
แต่เมื่อผลการให้คะแนนออกมา กลับกลายเป็นว่า นักชกเจ้าภาพ เอาชนะไปได้ทั้ง 5 เสียง จนทำให้เมื่อเอาผลคะแนนของทั้ง 3 ยกมารวมกัน เป็น เรียวเมะ ทานากะ ที่เอาชนะคะแนนไปได้ 4-1
ช็อคกันไปทั้งโลก เพราะจากการดูเทปการแข่งขัน บอกได้เลยว่า นี่คือความผิดพลาดอย่างจงใจของการให้คะแนนโดยแท้
เลยทำให้มีเสียงเรียกร้องให้พิจารณา “ถอด” กีฬามวยสากลออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับ จะให้ถึงกับ “ถอด” ออกไปเลยคงไม่ง่าย การทำให้ใสสะอาด ก็คงเช่นกัน เมื่อภาพของการเอื้อประโยชน์ในวงการมวยสากลสมัครเล่น ผ่านการให้คะแนนโดยกรรมการนั้น ยังคงเกิดขึ้นต่อไป
สุดท้ายของกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ ยังมีเหตุการณ์ “ยักษ์ล้ม” หรือเต็งจ๋าไม่มาตามนัด ในหลายชนิดกีฬา โดยเฉพาะมหาอำนาจในวงการวิ่งระยะสั้น อย่างสหรัฐอเมริกา ที่มักจะโกยเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกเป็นกอบเป็นกำ
แต่ในครั้งนี้พวกเขากลับทำผลงานได้ไม่ดี หลายรายการที่ “ม้ามืด” ได้เขี่ยพวกเขาตกจากบรรลังก์แห่งชัยชนะ ใครจะเชื่อว่าวิ่งผลัด 4×100 เมตรชาย ในรอบชิงชนะเลิศไม่มีที่วิ่งผลัดสหรัฐอเมริกาเข้าไปแข่งขัน
นี่แหล่ะครับ การแข่งขันกีฬา มีโอกาสในการที่จะเป็นผู้ชนะ หรืออาจจะเป็นผู้แพ้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า “คู่แข่ง” เราทำผลงานได้ดีกว่าหรือด้อยกว่าเรา
ฮิมต๋ายฮิมยัง : TTDad
#ฮิมสนาม#ฮิมสนามตั้งวงเล่า#อีซูซุศาลาเชียงใหม่#ChiangmaiFreshmilk#zetajersey#ดาวเรืองตราบ้าน#ทรายป่าห้า #โอลิมปิก #โอลิมปิกเกมส์ #RoadToTokyo2020 #นักกีฬาทีมชาติไทย #olympics #Tokyo2020 #THAIteamชนะใจคนไทย #olympics2020 #TeamThailand #Thailand #Tokyo