ถ้าจะขึ้นต้นถามว่า “ร้อนไหม” คงไม่มีใครที่ไหนตอบว่า “ไม่ร้อน” เว้นเสียก็แต่ทางตอนล่างของประเทศที่จะเป็นช่วงมรสุม ทำให้ฝนตกกันเกือบจะทุกวัน
ส่วนทางตอนบน สิ่งที่จะถามกันต่อก็คงเป็น “อากาศเป็นไง” PM 2.5 อยู่ในระดับไหน วันดีคืนดีก็เป็นตัวเลขสีแดงเสียอย่างนั้น ฝุ่นจากควันไฟก็คละคลุ้งไปทั่ว
ก่อนจะไปที่ฟุตบอลลีกในประเทศ ขออนุญาตอัพเดทสถานการณ์ฟุตบอลถ้วยเอเชีย เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2022 รอบเพลย์ออฟ ที่มีทีมจากประเทศไทย การท่าเรือ เอฟซี ลงชิงตั๋วเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มกับ อุลซาน ฮุนได และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกไปเล่นกับ แดกู เอฟซี จากเกาหลีใต้ทั้งคู่
แล้วก็เป็นทีมจาก เค ลีก ที่สามารถผ่านไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทั้งคู่ ปล่อยให้ตัวแทนจากแดนสยามต้องอกหัก อดเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้ในฤดูกาล 2022 เหลือแค่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่จะได้ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม
เดิมทีทาง เอเอฟซี ประกาศมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในรอบแบ่งกลุ่ม ของกลุ่ม เอฟ ที่ บุรีรัมย์ กลุ่ม จี ที่ ปทุมธานี และ กลุ่ม เจ ที่ เชียงราย ซึ่งในกรณีของเชียงรายนั้น จะมีการมาตรวจความพร้อมอีกครั้ง
และล่าสุดความพยายามของ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่จะได้ลงเล่นที่เชียงรายก็มีอันต้องจบลงไปแล้ว เพราะ เอเอฟซี ได้ประกาศผลการตัดสินใจล่าสุดให้เกมของกลุ่มเจ ลงทำการแข่งขันที่ บุรีรัมย์ เท่ากับว่าในเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้ จะมีทีมชั้นนำของเอเชีย มาลงเล่นที่บุรีรัมย์ถึง 8 ทีม แต่ไม่มี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ผ่านรอบเพลย์ออฟลงเล่นด้วย
ประเด็นที่กำลังพูดถึงกันตอนนี้คือ เหตุใดจึงไม่เลือก เชียงราย เป็นสังเวียนการแข่งขันของกลุ่ม เจ ที่มี ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ลงเล่นด้วย
การประกาศของ เอเอฟซี ก่อนหน้านี้ว่า กลุ่ม เจ ถูกวางสนามการแข่งขันไว้ที่ เชียงราย แต่มีเงื่อนไขก็คือ เมื่อถึงวันที่ เอเอฟซี มาตรวจ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่ เอเอฟซี วางไว้ แต่ผลการตรวจสอบไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็เลยทำให้ เชียงราย ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นสังเวียนการแข่งขัน
แน่นอนว่าเมื่อถูกวางไว้ที่ประทศไทยแล้ว เอเอฟซี ก็ยังพยายามให้ประเทศไทยยังได้มีโอกาสในการเป็นเจ้าภาพ เมื่อตัวเลือกที่ถูกเสนอไป ได้รับการพิจารณา จนสุดท้าย บุรีรัมย์ ก็ได้เป็นสังเวียนการแข่งขันเป็นกลุ่มที่ 2 หากไม่เป็นเช่นนั้น ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด อาจจะต้องเดินทางไปเล่นต่างประเทศก็เป็นได้
นึกแล้วก็เสียดาย ทั้งการที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด จะได้ลงเล่นในสนามของตัวเอง และแฟนบอลภาคเหนือ ที่จะได้มีโอกาสได้ชมเกมระดับสุดยอดของเอเชียใกล้ ๆ ได้เห็นสตาร์ระดับโลก เสียดายจริง ๆ ครับ
มาต่อกันที่ฟุตบอลลีกในประเทศกัน สัปดาห์ที่ผ่านมามีฟุตบอลถ้วย รีโว่ ลีกคัพ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมที่สามารถผ่านไปเล่นในรอบรองชนะเลิศก็เป็น พีที ประจวบ เอฟซี ชลบุรี เอฟซี ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ทีมสุดท้ายังคงต้องรอผลในคู่ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะมีการกำหนดการแข่งขันต่อไป
ต่อกันที่ลีกพระรอง ไทยลีก 2 ศึกชิงอันดับ 1 – 2 ในสัปดาห์นี้ กลับมาคึกคักกันอีกครั้ง เมื่อจ่าฝูง ตราด เอฟซี พลาดท่าบุกไปพ่าย ชัยนาท ฮอร์นบิล ส่วนผู้ตามอย่าง สุโขทัย เอฟซี และ ลำพูน วอริเออร์ ต่างก็เก็บ 3 คะแนนได้ ทำให้ช่องว่างของจ่าฝูง ลดลงมาเหลือ 5 แต้มอีกครั้ง สถานการณ์ในกลุ่ม “เลื่อนชั้นอัตโนมัติ” เริ่มกลับมาสนุกอีกครั้ง
ส่วน แพร่ ยูไนเต็ด ที่ผลงานในการปราบ “รองจ่าฝูง” มาได้ติดต่อกัน 2 นัด มีอันต้องมาสะดุด เมื่อออกไปแพ้ แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด เข้าตำรา “ปล้นคนรวยช่วยคนจน” ทำให้ช่องว่างในการเข้าสู่พื้นที่เพลย์ออฟขยายเป็น 4 คะแนน
กลุ่มเพลย์ออฟ มี อุดรธานี เอฟซี นัดล่าสุดก็ยังคงหาฟอร์มเก่งไม่เจอ เก็บเพิ่มได้แค่แต้มเดียว ทำให้พวกเขาอยู่นอกพื้นที่เพลย์ออฟอย่างเต็มตัวแล้ว ปล่อยให้ ลำปาง เอฟซี ชัยนาท ฮอร์นบิล และ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ยึดครองพื้นที่นี้ต่อไป
ท้ายตาราง สัปดาห์ก่อน คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ได้แหย่เท้าเข้ามาอยู่ในพื้นที่สีแดง แต่ก็อยู่ได้แค่สัปดาห์เดียว เพราะผลจากการเอาชนะ ราชนาวี ในขณะที่ ราชประชา ออกไปแพ้ให้กับ เกษตรศาสตร์ เอฟซี ทำให้พวกเขาหลุดออกจากพื้นที่สีแดง ถีบ ราชประชา ให้กับเข้าพื้นที่ตามเดิม
โซนนี้ถือเป็นอีกโซนที่สถานการณ์ของทีมสุดท้ายที่จะตกลงไปไทยลีก 3 ทีมสุดท้ายยังคงจะมีการขับเคี่ยวต่อไปจนกว่าสัญญาณชีพสุดท้ายจะหมดลง
มาปิดท้ายกันที่ ไทยลีก 3 ที่กำลังเข้าสู่รอบ แชมเปียนส์ ลีก เพื่อหา 3 ทีมไปเล่นไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มโซนบน ประกอบไปด้วย อุทัยธานี เอฟซี (แชมป์โซนเหนือ), พิษณุโลก เอฟซี (รองแชมป์โซนเหนือ), พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด (แชมป์โซนตะวันออก), ฉะเชิงเรา ไฮเทค เอฟซี (รองแชมป์โซนตะวันออก), เมืองเลย ยูไนเต็ด (แชมป์โซนตะวันออกเฉียงเหนือ), ศรีสะเกษ เอฟซี (รองแชมป์โซนตะวันออกเฉียงเหนือ)
และกลุ่มโซนล่าง ที่ประกอบไปด้วย กระบี่ เอฟซี (แชมป์โซนใต้), นครศรี ยูไนเต็ด (รองแชมป์โซนใต้), สระบุรี ยูไนเต็ด (แชมป์โซนตะวันตก), มหาวิทยาลัยปทุมธานี (รองแชมป์โซนตะวันตก), มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ (แชมป์โซนกทม. และปริมณฑล), บางกอก เอฟซี (รองแชมป์โซนกทม. และปริมณฑล)
สัปดาห์ที่ผ่านมามีการลงทำการแข่งขันนัดแรกจาก 5 นัดที่ทุกทีมที่ลงเล่น ผลการแข่งขันคงไม่มีใครพูดถึงกันเลยในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีก็แต่จังหวะ “ฟันศอก” ของ อิศเรศ น้อยใจบุญ แข้ง “กระทิงเพลิง” บางกอก เอฟซี ในนัดที่พวกเขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับ ม.นอร์ทกรุงเทพ
คนที่ถูก “ฟันศอก” ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ที่สภาพหลับกลางอากาศ ตื่นขึ้นมาพบกับบาดแผลที่บริเวณปาก ต้องทำการปฐมพยาบาล และนำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล แผลที่ต้องเย็บ 24 เข็ม และยังพบร่องรอยร้าวที่บริเวณใบหน้าอีกด้วย
ถือเป็นจังหวะ “ไร้น้ำใจ”อย่างแท้จริง เจตนาให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงต่อเพื่อนร่วมอาชีพ สิ่งที่เขาได้รับคือ ใบแดงโดยตรง การยกเลิกสัญญาจากต้นสังกัด การถูกแจ้งความดำเนินคดี และที่จะต้องเจออีกก็คือการลงโทษจากสมาคมฟุตบอลฯ
เรื่องของการพิจารณาโทษ ที่จะต้องเจอแน่นอนคือกฎ ระเบียบข้อบังคับ คณพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมฯ ประจำการแข่งขันฤดูกาล 2021/22 ในข้อ 1.1.2 เรื่อง นักกีฬาถูกผู้ตัดสินให้ออกจากการแข่งขัน (ได้รับใบแดง) ด้วยการกระทำผิด ในหมวด 1 ที่ว่า
ประพฤติผิดอย่างร้ายแรง (Violent Conduct) เช่นนักกีฬาฟุตบอลเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ โดยไม่ได้เล่นลูกบอล หรือ ลูกบอลไม่อยู่ในระยะของการเล่น หรือใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ คู่ต่อสู้ ทั้งนี้ ให้ความหมายถึงการกระทำผิดต่อเจ้าหน้าที่ทีมฝ่ายตรงข้าม นักกีฬาฟุตบอลสำรอง และผู้ตัดสิน
ปกติแล้วก็จะถูกพักการแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท แต่ในกรณีนี้จะมีการนำ ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยจรรยา สำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ.2560 หมวด 1 จรรยาของนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ข้อ 3(4) หมวด 2 กลไกและระบบการบังคับใช้จรรยาข้อ 7 ประกอบกับ หมวด 3 บทกำหนดโทษ ข้อ 10.12 มาใช้ด้วย
เพราะมองว่า “เป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจละเมิดต่อกฎหมาย โดยการทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยวิธีการที่รุนแรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส” นี่แหล่ะครับ
บทกำหนดโทษ ขั้นต่ำน่าจะถูก “แบน” อย่างน้อย ๆ 3 ปี แต่ถ้ามองว่ามันรุนแรงมากก็อาจจะมากกว่า 3 ปีก็เป็นไปได้
แน่นอนว่า “อนาคต” คงอยู่ในแวดวงฟุตบอลลำบาก สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มาจากการแสดงออกที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ซึ่ง “นักกีฬาอาชีพ” สมควรต้องมีในทุกขณะที่ทำการแข่งขัน
หากทำไม่ได้ จะต๋ายจะยัง ในอาชีพนี้ก็คงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หวังว่าเมื่อได้รับการกำหนดโทษแล้ว และได้สำนึกกับการกระทำนี้ ก็ให้เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้กับตัวเอง และนักกีฬาอาชีพในทุกประเภทด้วยก็แล้วกันครับ
ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad
เครดิตภาพ : https://www.goal.com/th