ฮิมต๋ายฮิมยัง : T1 : Gu ยังไม่ได้แชมป์

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมย่างเข้ามาแล้ว ช่วงนี้บ้านเราอากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว ทั้งแดด ทั้งฝน บางวันก็มีลมพายุ ปั่นป่วนกันไปทั่วประเทศกันเลยทีเดียว

ฟุตบอลลีกในประเทศของเราก็เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ก่อนที่จะเข้าสู่ทางตรงร้อยเมตรสุดท้ายกันแล้ว

ลีกพี่ใหญ่ ไทยลีก 1 สัปดาห์ก่อนก็เกือบจะได้แชมป์อย่างเป็นทางการ แต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงต้องรอฤกษ์ฉลองแชมป์ต่อไปอย่างน้อยก็อีก 1 – 2 นัด

ล่าสุดพวกเขาเปิดบ้านพ่าย “แชมป์เก่า” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นบิ๊กแมทช์ประจำสัปดาห์ เดิมพันด้วย 3 คะแนน เพราะถ้าจ่าฝูงได้ 3 แต้มนี้ ก็จะเป็นการการันตีการเป็นแชมป์ประจำฤดูกาลนี้ทันที

แต่ “กระต่ายแก้ว” ก็มาพังฤกษ์การเป็นแชมป์ด้วยการบุกมาเอาชนะได้ 1 – 0 ตามที่ประกาศกร้าวก่อนแข่งว่า ปราสาทสายฟ้า จะคว้าแชมป์ลีกในเกมไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่นัดเจอกระต่ายแก้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ช่องว่าง 9 คะแนน กับเกมที่เหลืออีก 5 นัด บุรีรัมย์ยูไนเต็ดต้องการอีกแค่ 4 คะแนนเท่านั้น ก็จะเป็นแชมป์ทันที

ส่วนอันดับ 3 ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตกเป็นของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เอาชนะ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด มาได้ ทำให้พื้นที่เพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ยังคงเป็นเก้าอี้ดนตรี ที่ผลัดเปลี่ยนกันนั่งจนกว่าจะนิ่งจริง ๆ

ส่วนทีมที่มาแรงสุด ๆ “น้องใหม่” หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ขึ้นมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดเป็นปีแรกทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง จบนัดล่าสุดที่บุกไปเอาชนะ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ส่งพวกเขาขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 มีแต้มเท่ากับ ชลบุรี เอฟซี ทั้งคู่มีคะแนนห่างจากโซน เอซีแอล แค่ 3 คะแนนเท่านั้น

คงไม่ได้มองแค่อยู่รอดในลีกสูงสุดแล้ว หากฟอร์มยังแรงต่อเนื่อง พวกเขาก็มีสิทธิ์เป็นแคนดิเดตในการออกไปเล่นในถ้วยสโมสรเอเชียได้เช่นกัน

ท้ายตาราง จากการพ่ายแพ้เกมล่าสุด เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ดูจะเป็นทีมแรกที่การันตีว่าฤดูกาลหน้า พวกเขาจะได้ทำศึกดาร์บี้แมทช์เวียงพิงค์ กับ เชียงใหม่ เอฟซี ค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว

14 คะแนนที่พวกเขามีอยู่ กับ 5 นัดที่เหลือให้ลงเล่น หมายความว่า นัดหน้าหากพวกเขาไม่มีคะแนนติดมือ เมื่อนั้นพวกเขาจะเป็นทีมแรกที่ตกชั้น 100% เพราะช่องว่างโซนปลอดภัยตอนนี้คือ 14 คะแนน

ส่วนเพื่อนร่วมโซนสีแดงอย่าง สมุทรปราการ ซิตี้ สถานการณ์ก็ดูจะไม่แตกต่างกันมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากโซนปลอดภัย 6 คะแนนแต่ผลงานช่วงหลังมีแต่ทรงกับทรุด หากไม่มีจุดเปลี่ยนเข้ามา พวกเขาคงเป็นทีมที่ 2 ที่จะต้องร่วงลงมาสู่ลีกพระรอง

ส่วนโควตาสุดท้ายยังคงเป็นการร่วมวงกัน 3 ทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่คะแนนยังคงเบียดกัน ส่วน พีที ประจวบ เอฟซี ที่ชนะมา 4 เกมติดกัน ดูจะมีแววรอดตกชั้นมากกว่า

มาต่อกันที่ลีกพระรอง ไทยลีก 2 จากที่เคยเขียนถึงจ่าฝูง ตราด เอฟซี ที่ผลงานในเลกแรกโดดเด่นมากกว่าเพื่อนร่วมลีก และมีแววจะกลับสู่ลีกสูงสุดในฐานะแชมป์เมื่อหลายเดือนก่อน

แต่มาถึงเวลานี้ การเป็นแชมป์รวมถึงเลื่อนชั้นอัตโนมัตินั้นชักจะไม่แน่เสียแล้ว ผลงาน 5 นัดหลังสุด พวกเขาจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ไปถึง 3 นัด เก็บไปได้แค่ 4 คะแนน นัดล่าสุดก็เพิ่งพลาดท่าพ่ายค่าถิ่นด้วยน้ำมือของ ขอนแก่น เอฟซี ทีมในพื้นที่สีแดง

ในขณะที่รองจ่าฝูง สุโขทัย เอฟซี ผลงานก็ “บู่” ไม่แพ้กัน ย้อนไป 5 นัดหลังสุดก็แพ้ไปถึง 3 เช่นกัน แต่อีก 2 นัด พวกเขาก็ยังสามารถเก็บชัยชนะมาได้ แต่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ก็มีเพียงแค่ ลำพูน วอริเออร์ เท่านั้นที่ผลงานสวนทาง

นัดล่าสุด “ราชันโคขาว” บุกไปยิง ลำปาง เอฟซี ในศึก “ขุนตานดาร์บี้แมทช์” ในนาทีบาป ส่งผลให้หลังจากจบเกมที่ 28 หัวตารางยังคงเป็น ตราด เอฟซี ที่มี 58 คะแนน ตามมาด้วย ลำพูน วอริเออร์ 56 คะแนน สุโขทัย เอฟซี 55 คะแนน

ทำให้ตำแหน่งแชมป์ รวมถึงการเลื่อนชั้นอัตโนมัติในฐานะรองแชมป์ จะเหลือการช่วงชิงกันแค่ 3 ทีมนี้เท่านั้น กลายเป็น “รักสามเส้า” ที่จะมี 1 ทีมที่จะต้องไปออกแรงเพิ่มในการเตะเพลย์ออฟ เพื่อเลื่อนชั้นไปสู่ลีกสูงสุด

ส่วนในพื้นที่เพลย์ออฟ ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่เป็นทีมเดียวในลีกที่ 5 นัดหลังสุดเก็บคะแนนมาได้ทุกนัด รั้งอันดับที่ 4 ที่ 48 คะแนน ลำปางเอฟซี 47 คะแนน และ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด 44 คะแนน ยึดอันดับ 5 และ 6

แต่ แพร่ ยูไนเต็ด ที่ยังคงทำผลงานดีต่อเนื่อง มีคะแนนห่างจากโซนเพลย์ออฟแค่แต้มเดียวเท่านั้น ส่วน อุดรธานี เอฟซี ที่ผลงานช่วงหลังไม่ดีนัก มีช่องว่าง 2 คะแนน ใครพลาดท่าอาจมีการเปลี่ยนสมาชิกประจำโซนได้เลย

ท้ายตาราง คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ที่เพิ่งโผล่พ้นโซนสีแดงแค่เพียงสัปดาห์เดียว ก็มีอันต้องตกลงสู่พื้นที่สีแดงอีกครั้ง ด้วยน้ำมือทีมหนีตายด้วยกัน สโมสรฟุตบอลราชประชา

ผลคะแนนนัดนี้คือการวิ่งไป-กลับ 6 แต้ม ของคู่หนีตายด้วยกัน แต่ถ้าดูจากผลงานที่ทั้งคู่เจอกันมาครบ 2 นัดในลีกแล้ว เป็นทางฝั่งราชประชาที่มีผลงานที่เหนือกว่า แม้ว่าเลกแรกพวกเขาจะออกไปพ่าย “สิงห์นายด่าน” 1 – 3 แต่ผลงานที่เปิดบ้านเอาคืนได้ถึง 3 – 0 การันดีว่าพวกเขาจะจบลีกในอันดับที่เหนือกว่า ถ้าวันนั้นคะแนนออกมาเท่ากัน

แต่ถ้ามัวแต่มองคู่ตัวเอง อีกทีมที่ยังคงลุ้นหนีตายต่อไป ขอนแก่น เอฟซี ที่เพิ่งสร้างเซอร์ไพร์สด้วยการบุกไปเอาชนะจ่าฝูงมาได้หมาด ๆ ทำให้ช่องว่างของพวกเขากับโซนปลอดภัยอยู่ที่ 6 คะแนน

ถ้าหากนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการอยู่รอดในลีกพระรอง พวกเขาต้องพยายามฉวยโอกาสนี้ในการสร้างผลงานที่ดีมากกว่านี้เพื่อต่อลมหายใจในการลงเล่นลีกพระรองในฤดูกาลหน้า

ส่วนที่หมดลุ้นไปแล้วอย่างเป็นทางการก็คือ สโมสรฟุตบอลราชนาวี ที่มีแค่เพียง 8 คะแนนจากการลงสนามทั้งหมด 28 นัด ชนะในลีกแค่นัดเดียว เสมอ 5 และแพ้ไปถึง 22 นัด ต้องโบกมือลาลีกพระรองอย่างเป็นทางการ

จริงอยู่ที่ 6 นัดที่เหลือพวกเขาสามารถเก็บ 3 แต้มได้ทั้งหมด และราชประชาแพ้รวด พวกเขาจะทำแต้มเท่ากัน แต่ผลงานที่เจอกันมา “เฮดทูเฮด” เป็นรองตราชฎาอยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงหมดสิทธิ์ที่จะทำคะแนนแซงหน้าทีมสุดท้ายที่อยู่ในโซนปลอดภัยในตอนนี้

ปิดท้ายกันที่ผลการพิจารณากรณี “ศอกไร้ปราณี” คณะกรรมการสอบสวนฯ มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ต้องกันว่า การกระทำของ นายอิศเรศ น้อยใจบุญ ซึ่งเป็นนักกีฬาอาชีพที่อยู่ในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจละเมิดต่อกฎหมาย โดยการทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยวิธีการที่รุนแรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

จึงเห็นควร “ห้ามไม่ให้ นายอิศเรศ น้อยใจบุญ มีส่วนร่วม หรือเกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้น เป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป”

ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยจรรยา สำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2560 หมวด 1 จรรยาของนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ข้อ 3(4) หมวด 2 กลไกและระบบการบังคับใช้จรรยาข้อ 7 ประกอบกับ หมวด 3 บทกำหนดโทษ ข้อ 10.12

จบซิครับแบบนี้ 3 ปีนี้เจ้าตัวคงทำได้แค่เป็น “นักบอลเดินสาย” หากยังอยากจะหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นฟุตบอลต่อไป