กลุ่มตอนบน
วันเสาร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564
ลำพูน วอริเออร์ 1 – 0 ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี
อุดร ยูไนเต็ด 0 – 1 พิษณุโลก เอฟซี
ปลวกแดง ยูไนเต็ด 4 – 0 เมืองเลย ยูไนเต็ด
กลุ่มตอนล่าง
วันอาทิตย์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564
สงขลา เอฟซี 2 – 2 กระบี่ เอฟซี
ม.นอร์ทกรุงเทพ 1 – 0 บางกอก เอฟซี
เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด 1 – 1 ราชประชา
จากผลการแข่งขัน ก็ต้องยอมรับว่าผลการแข่งขันมีทั้งเป็นไปตามที่คาดและผิดคาด ไม่แพ้นัดแรก ทั้งสองกลุ่ม มีทีมที่ยังหาชัยชนะไม่เจอ 4 ทีมด้วยกัน ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี และ เมืองเลย ยูไนเต็ด ในกลุ่มตอนบน ส่วนตอนล่าง สงขลา เอฟซี และ บางกอก เอฟซี ส่วนทีมที่เก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดแรก มีแค่ ลำพูน วอริเออร์ ทีมเดียวเท่านั้น ส่วน 2 ทีมที่ยังไม่มีแต้มก็คือ ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี และ บางกอก เอฟซี
ส่วนคู่ที่ว่ากันว่า “พลิกล็อค” มากที่สุดประจำสัปดาห์ คงหนีไม่พ้น อุดร ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านแพ้ พิษณุโลก เอฟซี 0 – 1 ปิดฉากสถิติไม่แพ้ใครในเกมลีกฤดูกาลนี้ลง แถมยังเป็นการพ่ายแพ้ในถิ่นของตัวเองอีกด้วย พ่วงด้วยสถิติที่ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เป็นเกมแรกอีกต่างหาก
ส่วนในกลุ่มตอนล่าง สัปดาห์นี้เป็นเกมที่ทีมร่วมโซนต้องกลับมาเผชิญหน้ากันทั้ง 3 คู่ และก็คล้ายเดจาวู สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมันได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เริ่มที่สนามติณสูลานนท์ สกอร์ยังคงจบลงที่ 2 – 2 สำหรับเกมระหว่าง สงขลา เอฟซี พบกับ กระบี่ เอฟซี เช่นเดียวกับ ม.นอร์ทกรุงเทพ ที่เปิดบ้านเอาชนะ บางกอก เอฟซี 1 – 0 สกอร์เดียวกันกับเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ส่วน เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด และ ราชประชา ทีมที่อยู่ในโซนตะวันตกร่วมกัน ที่นัดก่อนหน้านี้เล่นในบ้านของ ราชประชา ในเกมลีก จบลงด้วยผลเสมอ 1 – 1 ในรอบนี้ก็ยังกินกันไม่ลงเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยสกอร์เดิมต่างกันที่ไม่ใช่สนามเดิม จะว่าบังเอิญก็ใช่
ก่อนเกมคู่นี้จะมีคิวลงเตะ มีข้อมูลที่ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินและเห็นกันมาแล้วว่า ถ้าหาก สุเชาว์ นุชนุ่ม มีคิวลงเตะกับคู่ต่อสู้ที่ชื่อ ราชประชา เขาจะขอใช้สิทธิ์ไม่ลงเตะในฐานะคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะรายการไหนก็ตาม
และก็เป็นเช่นนั้นอีกคำรบในเกมเมื่อวันอาทิตย์ ดูจากรายชื่อนักเตะที่ลงสนามรวมถึงรายชื่อผู้เล่นสำรอง ก็ไม่ปรากฎชื่อของ “กัปตันกบ” แต่อย่างใด ทำให้เกิดประเด็นสงสัยกันว่า กัปตันกบ แท้จริงแล้วมีเหตุอันใดจึงไม่มีชื่อในเกมนี้
จากข้อมูลที่ได้ทราบกันอย่างกว้างขวาง ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ ในฐานะ ผู้มีบุญคุณ ที่อธิบายได้ว่า “เป็นความประสงค์ของกัปตันกบ ที่เป็นเสมือนสัญญาใจกับทางทีมราชประชา ที่จะไม่ลงเผชิญหน้ากัน ไม่ว่าจะรายการไหน เหตุเพราะ “หม่อมเป๊ป” พล.ท.ม.ล.สุปรีดี ประวิตร ประธานสโมสรราชประชา เป็นผู้มีพระคุณที่เคยให้การช่วยเหลือกันมา”
“กบเขาเคยเป็นทหารที่อยู่ในความดูแลของหม่อมเป๊ป และเขาก็เคยช่วยเหลือกันมาในอดีตหลาย ๆ ครั้ง กบก็เลยจะไม่ลงเล่นในเกมที่พบกับราชประชา ซึ่งทางทีมก็ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการวางแผนในนัดนี้พอสมควร เพราะกบเป็นทั้งกัปตันทีมและมิดฟิลด์จอมทัพคนสำคัญ และนี่เป็นเสมือนนัดชิงของกลุ่มเลยก็ว่าได้ เพราะเรากับราชประชาคือตัวเต็งของกลุ่มนี้และต้องมาพบกันเอง”
เหตุนี้ก็มองได้ว่ามันคือเรื่องของ “สายสัมพันธ์” การให้ความเคารพนับถือกัน และการสำนึกในบุญคุณ ซึ่งก็มองว่ามันเป็นเรื่องดี อย่างเช่นกรณีที่นักฟุตบอลยิงประตูทีมเก่า แล้วก็ไม่ได้ออกอาการดีใจ เสมือนเป็นการให้เกียรติทีมเก่า แต่บทบาทในการเป็นนักเตะก็ยังต้องยิงประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้อยู่ดี ดังนั้น การเลือกที่จะไม่ลงเล่นเสียตั้งแต่แรก ก็อาจเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน
ส่วนมุมมองของการที่ต้องจัดสรรกำลังพลของคนเป็นโค้ช ก็อาจจะต้องปวดหัวบ้าง เพราะกัปตันกบ ถือเป็นแกนหลักของทีม การที่ไม่มีเขาลงคุมเกม ย่อมทำให้สมดุลในทีมที่เคยมีมาอาจจะเสียไป ก็นั่นแหล่ะครับ หน้าที่ของโค้ช ก็ต้องปรับทีมให้เกิดสมดุลมากที่สุด แม้ภายหลังจะออกมายอมรับว่าทีมเองเสียประโยชน์จากการขาดผู้เล่นคนสำคัญไปก็ตาม
ส่วนกลุ่มตอนบน มีเกมที่จะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งถ้ามองจากตารางการแข่งขัน ก็จะเป็นการโคจรมาเจอกันของทีมร่วมโซนเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มตอนล่างเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งหากจะมองในเรื่อง “สายสัมพันธ์” คงหนีไม่พ้นที่จะต้องพูดถึง เกมที่ ลำพูน วอริเออร์ จะเปิดบ้านรับ พิษณุโลก เอฟซี ทีมร่วมโซนเหนือ ก็เพราะเหตุว่า ประธานสโมสรของทั้งทั้งคู่นั้น เป็นพี่น้องคลานตามกันมา
พิษณุโลก เอฟซี ภายใต้การบริหารโดยพี่ชาย “บอสต้น” ศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก ในขณะที่ ลำพูน วอริเออร์ ตอนนี้มีผู้บริหารที่แฟนบอลเกือบทั้งประเทศ ได้ยินชื่อเสียงมาในช่วง 2 ปีหลังมานี้บ่อยมากขึ้นในหน้าสื่อกีฬา “บอสตาล” พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก จะเรียกว่าเป็นนัดแห่งศักดิ์ศรีของพี่น้องตระกูล “ฐาราชวงศ์ศึก” ก็ไม่ปาน
ด้วยความที่ทั้งสองสโมสรเคยขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่สมัยที่ลำพูน วอริเออร์ เพิ่งก่อตั้งทีมมาใหม่ ๆ ทั้งสองทีมลงทำศึกในรายการลีกภูธร ดิวิชั่น 2 เดิมมา ปีนั้นแชมป์ตกเป็นของ พิษณุโลก เอฟซี ส่วน ลำพูน วอริเออร์ จบที่อันดับ 2 หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลงสนามกันอีกหลายครั้ง ผลของการเจอกันของทั้งคู่ผลัดกันแพ้ ชนะ แต่ละเกมก็เต็มไปด้วยความเข้มข้นตลอด
มาวันนี้ในฐานะที่ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายที่ต้องการจะเลื่อนชั้น “สายสัมพันธ์” นอกสนามในฐานะพี่-น้อง จึงจำเป็นต้องถูกพักไว้ ปล่อยให้เกมในสนามดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น คือการเข้าห้ำหั่น บนฟลอร์หญ้าสีเขียวด้วยคำว่า “สปิริต” ในเชิงลูกหนังแค่เพียงอย่างเดียว
“แน่นอนแมตช์ที่จะพบ ลำพูน ถึงแม้จะเป็นทีมของน้องชาย และเป็นทีมเก่าที่ผมเคยทำมา แต่แมตช์ในวันเสาร์ที่จะถึงเราคงต้องลืมคำว่าพี่น้องไว้ชั่วคราว ในสนาม 90 นาทีต่างคนต่างทำหน้าที่ให้เต็มที่ ก็อยู่ที่ทีมใดจะทำได้ดีกว่า สำหรับพิษณุโลก เป้าในการไปเยือน ลำพูน คือ 3 แต้มเท่านั้น” นี่คือคำสัมภาษณ์ของบอสต้น ที่จะส่งลูกทีมมาบุกในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
ปกติแล้วเราไม่ค่อยเห็นกันเท่าไหร่ในโลกลูกหนัง ที่ “สายสัมพันธ์” ลักษณะแบบนี้ เกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลในลีกเดียวกัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วในบ้านเรา ก็ถือเป็นเรื่องพิเศษ อเมซิ่งไทยลีกก็แล้วกันครับ ก็คงต้องมาตามต่อกันว่า การตัด “สายสัมพันธ์” ชั่วคราวที่ได้ลั่นวาจาไว้ ทีมใดจะกำชัยในนัดนี้ แต่เชื่อครับว่า จบเกม “สายสัมพันธ์” นั้นก็จะยังกลับมาอยู่เช่นเดิม
แน่นอนว่าทั้งสองทีม หมายมั่นที่จะเข้าร่วมโครงการ “เราชนะ” มากกว่าที่จะสนใจ “คนละครึ่ง” เพราะเอฟเฟคมันคนละเรื่อง ถ้า ใครคว้า “เราชนะ” ไปได้ ก็จะจบสัปดาห์ที่ 3 ด้วยการเป็นจ่าฝูงประจำกลุ่มตอนบน เดิมพันครั้งนี้จึงสูง 3 แต้มนี้อาจจะเป็นการยื่นขาไปสู่ลีกพระรองข้างนึงเลยก็เป็นได้
โปรแกรมการแข่งขันในนัดที่ 3 ของทั้ง 2 กลุ่มซึ่งจะลงฟาดแข้งกันในสุดสัปดาห์นี้
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่มตอนบน
วันเสาร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. เมืองเลย ยูไนเต็ด – อุดร ยูไนเต็ด
18.00 น. ลำพูน วอริเออร์ – พิษณุโลก เอฟซี
18.30 น. ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี – ปลวกแดง ยูไนเต็ด
โปรแกรมการแข่งขันของกลุ่มตอนล่าง
วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564
16.00 น. กระบี่ เอฟซี – เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด
16.00 น. สงขลา เอฟซี – บางกอก เอฟซี
17.00 น. ราชประชา – ม.นอร์ทกรุงเทพ
เครดิตภาพ : https://www.facebook.com/MuangLoeiUnitedOfficial / https://www.facebook.com/chachoengsaoHitek.football.club / https://www.facebook.com/PLFC2020
ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad