2 – 3 วันที่ผ่านมา บ้านเราเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมพัดแรง ฝนตกจะเรียกว่าหนักก็คงได้พาให้ฝุ่นพิษถูกน้ำฝนดึงลงตกสู่เบื้องล่าง เปิดโอกาสให้เราได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์อย่างน้อยก็หลายชั่วโมง
ก่อนที่ผ่านข้ามคืน เราก็กลับมาสู่บรรยากาศมืดฟ้ามัวดิน เต็มไปด้วยฝุ่น ทัศนวิสัยย่ำแย่ มองไม่เห็นฟ้า ไม่เห็นดอย ไม่เห็นความสดใส
เดือนมีนาคมผ่านไปแล้วครึ่งเดือน เข้าสู่หน้าร้อนเต็มตัว เรื่องในวงการฟุตบอลนอกจากการเปลี่ยนตัวคนทำทีมแล้ว ปัญหาการตัดสินของผู้ตัดสินก็ยังคงมีให้ได้เห็นกันเกือบทุกสัปดาห์
ขออนุญาตนำข้อความเดิมที่เคยนำมาลงไว้ก่อนหน้านี้ อันเป็นปรัชญาและเจตนารมย์ของกติกาการแข่งขันส่วนหนึ่งที่ ฟีฟ่า เขียนไว้ในหน้าแรกว่า
“กติกาการแข่งขันของกีฬาฟุตบอลค่อนข้างเรียบง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับกีฬาประเภททีมอื่น ๆ แต่เนื่องจาก หลาย ๆ สถานการณ์เป็นเรื่องมุมมองส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่การแข่งขัน (ผู้ตัดสิน) เป็นมนุษย์ การตัดสินใจบางอย่างอาจมีข้อผิดพลาดหรือทำให้เกิดการถกเถียงและอภิปรายกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับบางคน”
ที่ต้องยกมาอีกครั้งก็เพื่อย้ำเตือนว่า แม้ในหน้าแรกของ Laws of the game ก็ได้เขียนข้อความอันนี้ไว้ ซึ่งการอภิปราย ถกเถียง ถึงการทำหน้าที่ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ในบางกรณี นอกจากการถกเถียงและอภิปรายแล้ว ผลการแข่งขันไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อนกหวีดยาวหมดเวลาดังขึ้น ผิดแล้วผิดไป ทีมที่เสียผลประโยชน์ก็เสียไปแล้ว ย้อนกลับมาอีกไม่ได้
จังหวะที่มีการพูดคุยกันมากจังหวะหนึ่งคือจังหวะที่ ประสิทธิ์ จันทุม กองกลาง พีที ประจวบ เอฟซี ถูกลูกบอลสัมผัสแขน ในกรอบเขตโทษ จากการโหม่งของศราวุธ อินทร์แป้น
ถือเป็นจังหวะชี้เป็นชี้ตาย ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้เป็นจุดโทษ แต่ VAR จะรับหน้าที่ตรวจสอบว่ามีโอกาสเป็น จุดโทษหรือไม่ ซึ่งเป็น 1 ในภารกิจหลักที่ VAR จะเข้าแทรกแซง ต้องตรวจสอบและชี้ว่าควรเป็นแฮนด์บอล และ จุดโทษหรือไม่
ปรากฎว่าหลังจากที่ VAR ทำการตรวจสอบ และเห็นพ้องกับผู้ตัดสินคือ ไม่เป็นจุดโทษ เกมการแข่งขันก็ดำเนินต่อไป
ซึ่งไม่น่าเชื่อครับว่า VAR ที่ตรวจสอบจากภาพเหตุการณ์ในหลายมุมมอง เห็นพ้องกับผู้ตัดสินที่ไม่ให้เป็นจุดโทษ ทั้งที่จากภาพช้าแสดงให้เห็นว่า ทิศทางของลูกบอลนั้นตรงเข้ากรอบ และหากไม่โดนแขน ประสิทธิ์ จันทุม ลูกนี้น่าจะเข้าประตูแน่นอน
หลังจากเหตุการณ์นี้ ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน ได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับจังหวะนี้ มีใจความว่า
สำหรับ เหตุการณ์นี้ ผู้ตัดสินไม่ได้ให้เป็นจุดโทษ เนื่องจากมองเห็นว่าจังหวะที่ลูกบอลสัมผัสแขนนั้น ตำแหน่งของแขนแนบลำตัวไม่ได้ทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น
– หลังจากนั้น VAR ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และเห็นตรงกับผู้ตัดสินว่า ไม่ได้มีการทำผิดกติกาเกิดขึ้น เนื่องจากขณะที่บอลสัมผัสแขน แขนยังอยู่ใกล้ชิดลำตัวอยู่ ไม่ได้ทำร่างกายให้ใหญ่ขึ้นผิดธรรมชาติ ถึงแม้ว่าหลังจากที่บอลสัมผัสแขนแล้ว แขนจะมีการเคลื่อนที่ต่อออกไปก็ตาม แต่ไม่ได้เกิดขึ้นในขณะที่บอลสัมผัสแขน ซึ่งการพิจารณาแฮนด์บอล จะพิจารณาตำแหน่งของแขนขณะที่บอลสัมผัสแขนเท่านั้น
– เหตุการณ์ที่ VAR เห็นตรงกับผู้ตัดสินในสนาม จะไม่มีการแนะนำให้ผู้ตัดสินมาทำการตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากจอ VAR ข้างสนาม (On-Field Review) แต่ VAR จะแจ้งกับผู้ตัดสินว่าได้ตรวจสอบเหตุการณ์เสร็จสิ้นแล้ว (Check Complete) และสามารถเริ่มเล่นตามกรณีได้เลย
เหลือเชื่อครับ ว่าตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ จะแสดงดุลยพินิจเหมือนกันเช่นนี้ เมื่อการเคลื่อนไหวของแขน ประสิทธิ์ จันทุม นั้นเคลื่อนที่ขึ้นในจังหวะสัมผัสลูกบอล ที่ใน Laws of the game เขียนไว้ว่า
ถือเป็นความผิด หากผู้เล่น :
● เจตนาสัมผัสลูกบอลด้วยมือ /แขน ตัวอย่างเช่นเคลื่อนมือ /แขนเข้าหาลูกบอล
● สัมผัสลูกบอลด้วยมือ /แขน ในลักษณะที่ทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้นอย่างผิดธรรมชาติผู้เล่นจะถือว่าทำให้ร่างกายของเขาใหญ่ขึ้นอย่างผิดธรรมชาติเมื่อตำแหน่งของมือ /แขนของเขาไม่ได้มาจากการเคลื่อนไหวปกติของร่างกายหรือเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ การที่มือ /แขนของเขาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว ผู้เล่นจะเสี่ยงต่อการที่มือ /แขนของเขาถูกลูกบอลและถูกลงโทษ
แถมในเรื่องที่เกี่ยวกับการไล่ออกก็ยังบอกชัดเจนว่า ความผิดที่ต้องถูกไล่ออก (Sending – off offences)
ผู้เล่น ผู้เล่นสำรอง หรือผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกที่กระทำ ผิดดังต่อไปนี้จะถูกไล่ออก:
● ป้องกันการเป็นประตูหรือโอกาสในการทำประตูของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจนโดยการกระทำผิดกติกาด้วยการเล่นลูกบอลด้วยมือ (Handball offence) ยกเว้นผู้รักษาประตูที่อยู่ในเขตโทษตนเอง
ถือเป็นโชค 3 ชั้นที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ไม่เสียประตู ไม่เสียจุดโทษ และไม่ถูกไล่ออก ทั้ง ๆ ที่การถกเถียงและอภิปรายอย่างเป็นกลางจับใจความได้ว่า ลูกนี้ต้องเป็นจุดโทษและใบแดง เฉกเช่น จตุรพัช สัทธรรม ถูกผู้ตัดสินไล่ออกและเสียจุดโทษจากการที่ผู้ตัดสินใช้ดุลยพินิจชี้ว่าไปทำ “แฮนด์บอล” ในจังหวะยืนคุมเส้น ที่จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน สุพรรณบุรี เอฟซี 2 – 1 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์นี้มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ผลการใช้ดุลยพินิจ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็ต่างกันสิ้นเชิง ลำพูน วอริเออร์ เสียประโยชน์จากการตัดสินที่ผิดพลาดของทีมงานผู้ตัดสิน ที่ได้รับการรับรองจาก ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน อีกด้วย
ก็จะไม่ให้สงสัยในความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการตัดสินได้อย่างไรเล่าครับ
เหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ช่วง 2 – 3 ของเกม มีเวลามากพอที่จะทำให้ผลการแข่งขันนัดนี้ออกมาแตกต่างจากผลเสมอ 0 – 0 เชื่อเขาเลยครับ
ไทยลีก 1 ลีกสูงสุด ถึง ณ ตอนนี้ตำแหน่งแชมป์คงไม่น่าหลุดมือแชมป์เก่าไปไหน หากไม่เกิดเหตุการณ์ช็อกแบบถล่มทลาย แถมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกรายการอีกด้วย
ส่วนเรื่องของโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จะเริ่มระเบียบใหม่กลางปีนี้ คงจะต้องปฏิบัติตามที่ทางสมาคมฟุตบอลฯ และไทยลีกที่จะใช้โควต้า 2 + 2 จาก 2 ฤดูกาล ที่ทีมเสียประโยชน์ยื่นฟ้องต่อศาลกีฬาโลกไปแล้ว
แต่กระบวนการพิจารณานั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าจะจบเมื่อไหร่ จะทันการแข่งขันกลางปีนี้หรือไม่ นั่นคงเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา จึงเป็นเหตุว่าควรจะใช้โควต้าที่ไทยลีกประกาศแจ้งมาก่อนเปิดฤดูกาล
นั่นจึงเป็นเงื่อนไขว่า อีก 1 โควต้าที่น่าจะเป็นไปได้คือการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สถานเดียว เพราะหาก บุรีรัมย์ได้แชมป์ไทยลีก อันดับ 2 คงได้สิทธิ์นี้ไปแทน อีก 1 โควต้านั้น การเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ จึงเป็นทางเดียว
ส่วนลีกรองไทยลีก 2 กลุ่มที่มีลุ้นเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดก็ขับเคี่ยวกันอย่างสนุก และยังทิ้งกันไม่ห่าง เกมที่เหลือในช่วงท้ายฤดูกาลจึงจำเป็นต้องเน้น เพราะใคร ๆ ก็อย่างได้ตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติกันทั้งนั้น
หากหลุดไปเพลย์ออฟเพื่อแย่งตั๋วใบเดียวในกลุ่ม 4 ทีมที่มีผลงานใกล้เคียงกัน โอกาสจะเหนื่อยมากกว่านี้ค่อนข้างสูง โอกาสพลาดยิ่งสูงตามไปด้วย
จ่าฝูง สุพรรณบุรี เอฟซี มี 49 คะแนน ตราด เอฟซี นครศรี ยูไนเต็ด นครปฐม ยูไนเต็ด เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ตามมาที่ 47 คะแนน อุทัยธานี เอฟซี อันดับ 6 มี 46 คะแนน
ช่องว่างแค่ 1-3 แต้ม พลาดนัดเดียวจะออกนอกกลุ่มทันที ดังนั้นอย่าพลาดก็แล้วกัน
by TTDad