การแข่งขันในรอบ ลีก เนชั่นนัล แชมเปี้ยนชิพ (แชมเปี้ยนส์ลีกเดิม) นัดชิงชนะเลิศและนัดชิงอันดับ 3 เพื่อหาทีมสุดท้ายเพื่อเลื่อนชั้นสู่ เอ็ม 150 แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2021 ที่ฟาดแข้งกันไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลการแข่งขันมีดังนี้
ผลการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ นัดที่ 2
วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม 2564
เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด 2 – 1 ลำพูน วอริเออร์ (2 – 3 AET)
ในเวลา 90 นาที รวมผล 2 นัด (2 – 2)
ผลการแข่งขันนัดชิงอันดับ 3 นัดที่ 2
วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม 2564
ราชประชา 2 – 0 อุดร ยูไนเต็ด (2 – 1)
จากผลการแข่งขันของทั้ง 2 นัด ทำให้เราทราบรายชื่อแชมป์ประจำฤดูกาลนี้และทีมสุดท้ายที่คว้าตั๋วไปเล่นในลีกพระรองฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อย เกมที่สุดแสนจะดราม่าคงต้องยกให้นัดชิงแชมป์ที่สนามกลีบบัว กาญจนบุรี ในเวลาปกติเจ้าบ้าน เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ทำไป 2 ประตู เหนือผู้มาเยือน ลำพูน วอริเออร์ ทำให้หลังนกหวีดยาว 90 นาที ทั้งคู่มีผลงานที่เท่ากันคือ 2 – 2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งละ 15 นาที
รูปเกมในนัดนี้ไม่ได้แตกต่างจากนัดแรก เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองเกม และเล่นในรูปแบบที่ตัวเองต้องการได้ จุดที่แตกต่างกันก็คือ นัดแรกพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนการเข้าทำให้เป็นประตูได้เลย แต่ในนัดนี้พวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีแรกของเกมเท่านั้นที่คลายความกดดันเปราะแรกลงไปได้ และอีกเปราะถูกคลายลงในนาทีที่ 23
เรียกว่ายิงได้ตั้งแต่ไก่โห่ สภาพของทีมเยือนคือต้องถูกบีบให้ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ปัจจัยนึงที่ทำให้รูปเกมเป็นเช่นนั้นมาจากการเสียสมดุลในทีมจากการขาดหายไปของผู้เล่นตัวหลักทั้ง อดุล หละโสะ ห้องเครื่องผู้บัญชาการเกมที่บาดเจ็บหนักและ ไมร่อน นาทาน ดาวซัลโวของทีม ทั้งคู่มีอาการบาดเจ็บทำให้พลาดไปในนัดแรกและมีแค่รายชื่อเป็นตัวสำรองในนัดนี้
อีกปัจจัยนึงคือ ความร้อน ของแดดประเทศไทย คู่นี้ลงแข่งขันกันในเวลา 15.30 น. เป็นช่วงที่แดดร้อนแรงมากที่สุดช่วงนึงของวัน ทำให้การเล่นท่ามกลางอุณหภูมิที่ใกล้จะแตะ 40 องศานั้นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเล่นสำคัญผู้ไม่คุ้นชินกับสภาพความร้อนในระดับนั้น แม้ทีมเยือนจะจำลองสภาพอากาศให้ใกล้เคียงช่วงเวลาแข่งโดยการจัดโปรแกรมฝึกซ้อมไว้ร่วมอาทิตย์ก็ตาม แต่สภาพของจริงนั้นแตกต่างทั้งความร้อนและคู่ต่อสู้ ที่ไม่เหมือนกับการซ้อมแน่นอน
แต่เมื่อกุมความได้เปรียบไว้ถึง 2 ลูกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก แต่เจ้าบ้านไม่สามารถจัดการประตูที่ 3 เพื่อกระชากแชมป์กลับมาไว้ที่เมืองกาญจน์ได้ จุดเปลี่ยนของเกมคือใบแดงของเจ้าบ้านในช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายในเกม 90 นาที
ทำให้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เจ้าบ้านต้องมีผู้เล่นน้อยกว่าทีมเยือน แถมยังเป็นห้องเครื่องคนสำคัญในการตัดเกมของเจ้าบ้านอีกด้วย โมเมนตัมของเกมจึงตกอยู่ในมือของทีมเยือนจากการที่มีผู้เล่นมากกว่าและสภาพอากาศที่คลายความร้อนลงไปเมื่อเทียบกับช่วงแข่งปกติ 1 ประตูโทนจาก เจา เปาโล ซาเลส รวมผลการแข่งขันทั้ง 2 นัด เป็นลำพูน วอริเออร์ ที่เอาชนะไปได้ 3 – 2 หลังจบการต่อเวลาพิเศษ ส่งให้ ลำพูน วอริเออร์ ขึ้นเถลิงแชมป์ในระดับไทยลีก 3 ได้สำเร็จ หอบถ้วยแชมป์และเงินรางวัลอีก 1 ล้านบาทกลับบ้านไปในที่สุด
ส่วนเมือง กาญจน์ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังสำหรับพวกเขา รูปเกมเหนือกว่าแต่ไม่อาจพิพากษาเกมในเวลาปกติได้ ก็ต้องยอมรับตำแหน่งอันดับที่ 2 ไปในฤดูกาลนี้ ทั้งคู่จะได้โลดแล่นในลีกพระรองในฤดูกาลหน้า ร่วมกับอีก 1 สมาชิกใหม่ ราชประชา ที่ในนัดที่ 2 พวกเขาเอาชนะ อุดร ยูไนเต็ด ไปได้ 2 – 0 รวมผล 2 นัด ราชประชา คว้าอันดับที่ 3 ด้วยสกอร์รวม 2 – 1
แค่ 17 นาทีแรกทุกอย่างก็กลับมาเท่ากัน จากการทำประตูของ อังเจลโล่ มาชูก้า “พ่อมด” ของวงการลีกล่าง จากเกมแรกที่พวกเขาเพลี่ยงพล้ำให้เจ้าถิ่นแค่เพียงลูกเดียว ถึงตรงนี้ถ้าฝ่ายใดได้ประตูก็น่าจะกุมความได้เปรียบไปจนถึงนกหวีดยาว 90 นาที เป็นเจ้าบ้านที่จัดการผู้มาเยือนอีกลูกในนาทีที่ 70 จาก ธรรมยุทร ต้นคำ ทำให้จบเกมตั๋วเลื่อนชั้นตกอยู่ในมือของ ราชประชา พร้อมรับโบนัสอีก ห้าแสนบาท ติดตัวไปเล่นลีกพระรอง
การมีตุนแค่เพียงลูกเดียว เป็นเรื่องที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก แถมการออกมาเล่นเป็นทีมเยือนที่ไม่อาจเล่นในเกมของตัวเองได้ เป้าหมายอะเวย์โกล์ที่อุดร ยูไนเต็ด คาดหวังไว้พวกเขาไม่อาจทำได้ ผลลัพธ์ของบอลที่ต้องเตะกัน 2 นัด เหย้า-เยือน จึงออกมาในรูปแบบนี้ แต่ก็เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับรุกกี้ในระดับไทยลีก 3 ของจิ้งจอกอีสาน ปีแรกกับการคว้าอันดับที่ 4
บทสรุปของไทยลีก 3 ในฤดูกาล 2020 – 2021 แชมป์ ลำพูน วอริเออร์ รับถ้วยแชมป์ พร้อมเงินรางวัล 1 ล้านบาท รองแชมป์ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด รับเงินรางวัล 7.5 แสนบาท อันดับที่ 3 ราชประชา รับเงินรางวัล 5 แสนบาท ทั้ง 3 ทีมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปเล่น เอ็ม 150 แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2021 – 2022 ส่วนอันดับที่ 4 อุดร ยูไนเต็ด รับเงินรางวัล 2.5 แสนบาท
ทั้ง 3 ทีมที่ได้เลื่อนชั้นยังต้องมีการบ้านอีกมามายในการเป็นน้องใหม่ลีกพระรองในฤดูกาลหน้าที่จะเริ่มฟาดแข้งกันในวันที่ 31 กรกฎาคม ทั้งการเตรียมทีมที่แน่นอนว่าดีกรีต้องดีกว่าเดิม เพราะอย่างแรกที่พวกเขาจะต้องเจอคู่แข่งก็คือนักเตะที่ระดับสูงกว่าลีกภูมิภาค หากพวกเขาวาดฝันถึงขั้นเลื่อนชั้นไปไทยลีก 1 ด้วยแล้ว คงต้องมองนักเตะในระดับเกรดเอ
แน่นอนถึงจุดนี้คงต้องมาดูกันต่อไปว่า เมื่อได้รับโอกาส พวกเขาจะใช้โอกาสนี้อย่างไรในการเป็นสมาชิกในลีกพระรอง งบประมาณในการทำทีมคงเป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องมากำหนด ตัวนักเตะที่อยากได้ ต้องวางแผนกันไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ รักใครชอบใคร จะจีบใครก็ต้องเริ่มต้นกันแล้ว รอช้าไปอาจพลาดเป้าหมายกันได้ง่าย ๆ
รวมถึงมาตรฐานในการจัดการแข่งขันที่จะต้องเป็นมืออาชีพมากขึ้นตามข้อกำหนด ที่แว่วมาว่าแต่ละสนามคงต้องปรับปรุงกันยกใหญ่ ที่น่าจะไม่ต้องทำอะไรเลยก็คงเป็น บีจี สเตเดียม หากตราชฎา ยังคงใช่สนามของพี่ใหญ่ต่อในฤดูกาลหน้า แต่ถ้าจะต้องย้ายรังเหย้า พวกเขาก็จะมีโจทย์เดียวกัน
ปัญหาที่น่าจะต้องจัดการกันก็คือพื้นสนามและระบบไฟส่องสว่าง ที่จะต้องให้ได้ตามมาตรฐานที่ไทยลีกกำหนด รวมถึงต้องยกระดับในอีกหลาย ๆ ด้านให้สมกับเป็นสนามในระดับลีกพระรองที่ต้องเหนือกว่าในระดับลีกภูมิภาคที่พวกเขาอยู่กันมาหลายปี
ปีหน้า ฤดูกาลใหม่คงต้องมาเป็นกำลังใจให้พวกเขา น้องใหม่ลีกพระรอง ให้ทำผลงานได้ทัดเทียมกับรุ่นพี่ หรือถ้าตั้งเป้าจะเลื่อนชั้น ก็ต้องให้กำลังใจกันหนักหน่อย โอกาสเปิดกว้างครับ สำหรับผู้กล้า เลื่อนชั้นในปีเดียวใช่ว่าทำไม่ได้ เป้าหมายใหญ่ การกระทำต้องใหญ่ ดูกาลหน้ามาติดตามกันครับ
ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad
เครดิตภาพ : FB MuangkanUnited / FB rajpracha / FB Thaileague1Official