ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋าย ฮิมยัง : รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี

ปี 2566 ผ่านมาเข้าสัปดาห์ที่ 2 แล้ว และในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมที่เป็นที่รู้กันว่าเป็นวันเด็กแห่งชาติ

แน่นอนว่าทุกปีจะมีคำขวัญวันเด็กของ พณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรี และสำหรับปีนี้ คำขวัญวันเด็กได้แก่ “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” ส่วนที่ผ่านตาก็เห็นจะเป็นคำขวัญของคุณนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ที่ว่า “เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย สู้อย่าถอย ค่อยๆ สร้างพลังใจ” ถือเป็นคำขวัญที่อินเทรนด์ไม่น้อยเพราะตอนนี้เด็ก ๆ กำลังฮิตกับวลี “ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชายแบดบอย”

ก็ว่ากันไปตามยุคตามสมัยครับ ทุกอย่างบนโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประสบพบเจออะไร และอะไรที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์ ก็สามารถนำมาใช้กับชีวิตเราได้

ศึกชิงแชมป์อาเซียน ตอนนี้ก็ได้คู่ชิงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แชมป์เก่าทีมชาติไทย จะได้เข้าไปป้องกันแชมป์กับทีมชาติเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่ชิงที่ถูกคาดหมายว่าจะมาเจอกันในรอบนี้

เวียดนามจะได้เล่นเป็นเจ้าบ้านก่อน หลังจากที่ในรอบรองเกมแรกบุกไปยันเสมออินโดนีเซียมาได้ ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านเอาชนะไปได้ รวมผล 2 นัด เวียดนามเอาชนะไปได้ 2 – 0

ส่วนทีมชาติไทย รอบรองชนะเลิศนัดแรกออกไปแพ้ให้กับทีมชาติมาเลเซีย 0 – 1 ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 3 – 0 รวมผล 2 นัดแชมป์เก่าเอาชนะไปได้ 3 – 1

ถือเป็นผลงานที่ต้องบอกว่าตามมาตรฐานของทีม จะบอกว่าผมยกยอทีมชาติไทยก็ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะถ้ามองในทุกด้าน เราเองยืนโด่งอยู่เหนือเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้

รูปเกมทั้งสองเกมเป็นทีมชาติไทยที่ครองเกมได้เหนือกว่า นัดแรกปัญหาคือการจบสกอร์ที่ไม่เด็ดขาด จังหวะปัญหาทั้ง 2 จังหวะ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะประตูขึ้นนำของมาเลเซีย กับจังหวะที่เราควรจะได้จุดโทษ

ทั้ง 2 จังหวะนี้ ผมมองว่าผู้ตัดสินผิดพลาด ส่วนหนึ่งมาจากการที่ไม่มี VAR ทั้งที่การแข่งขันในระดับภูมิภาค สิ่งนี้ไม่ควรจะถูกละเลย

บางท่านบอกว่าก็หยวน ๆ กันไป แต่ถ้ามองที่ความถูกต้องผมว่า มาเลเซีย ควรจะขึ้นนำ 2 – 0 และจุดโทษจะต้องได้ และถ้าเรายิงได้จะเป็น 2 – 1 ซึ่งผลต่างก็คือ 1 ลูกเหมือนกัน

แต่ในระบบการเล่นเหย้าเยือน แบบมีอะเวย์โกล์นั้น สกอร์ 1 – 0 กับ 2 – 1 นั้นต่างกันมากครับ

แต่เมื่อทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว และเราเองก็สามารถเอาชนะในนัดที่ 2 ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เรื่องนี้ก็หายไปกับสายลมแห่งชัยชนะ

ส่วนในเกมที่ 2 เราเองก็เล่นกันได้ดี สมกับที่แฟนบอลหลั่งไหลกันเช้าไปชมเต็มโควต้าบัตรที่ถูกนำออกมาขาย เรียกว่าจองหมดทุกใบในโควต้าของเจ้าบ้าน

แต่ก็มีประเด็นให้พูดถึงเรื่องของการจุดพลุแฟร์ในสนามการแข่งขันและถูกโยนลงมาด้านล่าง ก่อให้เกิดแสงสีแดงพร้อมควันโขมง

นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกของรายการนี้ นัดที่เราเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 4 – 0 ก็มีแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ในสนามมาก่อนแล้ว

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สมาคมฟุตบอลฯ เคยถูกลงโทษปรับเงินมาแล้ว 1.4 ล้านในข้อหานี้ จนในนัดล่าสุดมีรายงานข่าวว่ามีการประกาศห้าม นำพลุแฟลร์หรือสิ่งที่ทำให้เกิดควันเข้าสนามเด็ดขาด แต่เกิดการลักลอบนำเข้า และมีคลิปปรากฎว่ามีแฟนบอลทำลายรั้วกั้นและกรูเข้ามาในสนาม ทำให้ไม่ได้รับการตรวจและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บด้วย

จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็แล้วแต่ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ถือว่ามีข้อผิดพลาดที่ทำให้พลุแฟลร์ถูกนำเข้ามาในสนาม และจุดจนเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา

แน่นอนว่าเมื่อมีคำเตือนมาก่อนแล้วว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำ บทลงโทษจะหนักขึ้น แต่จะถึงขนาดห้ามแฟนบอลเข้ามาชมเกม คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะไม่ใช่เหตุการณ์จราจลวุ่นวาย

แต่เรื่องของการปรับเงินคงมีแน่ ๆ และน่าจะมากกว่า 1.4 ล้านที่เคยโดนปรับมาก่อนหน้านี้ มีการคาดคะเนกันว่าน่าจะไปอยู่ที่หลักประมาณ 2 ล้านบาท

ตัวเลข 2 ล้านบาทอาจดูไม่เยอะ แต่ถ้าเราคิดจากการที่ไทยลีกจ่ายเงินสนับสุนให้กับไทยลีก 3 ที่ 7.5 หมื่นบาท เท่ากับว่าเงิน 2 ล้านนี้จะเข้าไปอุดหนุนทีมในลีกล่างได้ถึง 26 ทีม หรือ 2 โซนเลยทีเดียว

จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องมาเสียเงินโดยใช่เหตุ และไม่ใช่ความผิดใด ๆ ของสมาคมฟุตบอลฯ แต่มาจากการกระทำที่ขาดความยั้งคิดของแฟนบอลบางคนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามันเกิดผลกระทบโดยรวมต่อทั้งสมาคมและประเทศ ในด้านการจัดการสนามการแข่งขันในฐานะเจ้าบ้าน มาตรการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม จนพลุแฟลร์สามารถเล็ดรอดเข้าไปในสนามได้

จึงต้องหยุดที่ผู้ก่อการให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ว่าเลิกเสียเถอะ ไม่เห็นมันจะมีผลดีใด ๆ เลย เพราะจุดประสงค์ของพลุแฟลร์นั้นมันเป็น “พลุสัญญาณ ขอความช่วยเหลือ” ส่วนมากจะเป็นสีแดงและมีควัน

ควันที่เกิดขึ้นมาจากการประสมกันของสารเคมีหลายชนิดที่มีผลไปในทางเดียวกันคือ ถ้าเกิดการสูดดม ก็จะเกิดอาการ ไอ เจ็บคอ หายใจถี่ ๆ หายใจลําบาก ส่วนทางผิวหนัง  ผิวหนังที่โดนของเหลว จะเกิดอาการน้ำแข็งกัด และทางดวงตา จะทำให้ตาแดง ปวด

ในสนามฟุตบอลไม่ได้มีแค่กองเชียร์ครับ ยังมีครอบครัวที่มี พ่อ แม่ ลูก เข้ามาชมเกมด้วย ดังนั้น ควันเหล่านี้ส่งผลกระทบกับผู้คนหลายกลุ่ม หลายวัย เลิกได้ก็เลิกเถอะครับ อย่าให้เขาตำหนิกันไปมากกว่านี้

บางครั้งกระแสแฟนไม่เข้าสนามก็มาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับการเข้าไปชมเกมด้วยเหตุหนึ่ง อย่าให้แฟนบอลที่เขาไม่ชอบเรื่องแบบนี้และคิดจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าสนามเพราะไม่อยากเจอเพิ่มสูงขึ้นเลยครับ

พอมาแตะเรื่องเงินอุดหนุน โดยเฉพาะลีกล่างที่เป็นเหมือนฟุตบอลท้องถิ่นที่ได้รับจัดสรรเพียง 7.5 หมื่นแล้วรู้สึกหดหู่ใจมากครับ สปอนเซอร์ก็น้อย เงินอุดหนุนก็น้อย แต่ก็ยังแตกออกมาเป็น เซมิ-โปรลีก อีก ดูแล้วกัดก้อนเกลือเล่นกันจริง ๆ เลยครับ

ใจไม่รักไม่ทำทีมกันหรอกครับ ดังนั้นเบี้ยหวัดจะจัดให้กันมากสักหน่อยเพื่อพยุงฐานรากของฟุตบอลท้องถิ่นก็จะดีไม่น้อยเลยครับ

เครดิต FB Sak-san Siripong , FB FA Thailand

Warut