การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2 ฤดูกาล 2020-2021 เกมเพลย์ออฟรอบแรกนัดที่ 2 เพื่อหาทีมสุดท้ายที่จะได้เลื่อนไปร่วมลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า แข่งขันกันในวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลการแข่งขันมีดังนี้
นครปฐม ยูไนเต็ด 2 – 0 ชัยนาท ฮอร์นบิล
รวมผล 2 นัด นครปฐม ยูไนเต็ด 4 – 1 ชัยนาท ฮอร์นบิล
ขอนแก่น ยูไนเต็ด 2 – 1 แพร่ ยูไนเต็ด
รวมผล 2 นัด ขอนแก่น ยูไนเต็ด 5 – 2 แพร่ ยูไนเต็ด
ถือเป็นเกมที่เจ้าบ้านทั้งสองสนามสามารถมีชัยเหนือผู้มาเยือนทั้งคู่ และตบเท้าเข้าสู่การ “เพลย์ออฟรอบที่ 2” เพื่อหาตัวแทนหนึ่งเดียวไปเล่นลีกสูงสุด อย่างที่บอกไว้ในสัปดาห์ก่อนว่า ถ้าทั้งคู่ผ่านรอบแรกมาได้ ก็จะเป็นการรีแมทช์นัดชิง T3 เมื่อฤดูกาลก่อน
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แม้ว่า ขอนแก่น เอฟซี จะต้องตกอยู่ในภาวะกดดัน เมื่อเสียประตูให้ผู้มาเยือนอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 26 แต่ แพร่ ยูไนเต็ด ที่เล่นดีมาตั้งแต่ต้นเกม ไม่สามารถตามหาประตูเพิ่มเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับเจ้าบ้านได้ แถมในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 88 เจ้าบ้านก็มาได้ประตูที่รอคอย เป็นประตูปิดโอกาสที่จะทำให้ทีมเยือนกลับมาเข้ารอบ เพราะถึงวินาทีนี้พวกเขาต้องยิงอีกอย่างน้อย 2 ลูกเพื่อโอกาสต่อเวลา และถ้าจะเข้ารอบพวกเขาต้องยิงอีกถึง 3 ลูก
เรียกว่าเป็นงานที่ “เหนื่อยหนัก” เพราะเหลือแค่ 2 นาทีก่อนทดเวลา ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นฝ่ายสร้างสรรค์โอกาสในการเข้าทำได้มากกว่าเจ้าบ้าน และจนแล้วจนรอดนาทีที่ 90+3 เจ้าบ้านก็มาได้อีก 1 ลูก ทำให้เมื่อนกหวีดยาวหลัง 90 นาทีดังขึ้น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็ทะยานเข้าสู่รอบเพลย์ออฟนัดชี้ชะตา ด้วยประตูรวม 5 – 2 ไปชี้ชะตากับ นครปฐม ยูไนเต็ด
โดย เสือป่าราชา คู่ชิงตั๋วกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด นัดนี้เปิดบ้านรับ ชัยนาท ฮอร์นบิล โดยนัดแรกพวกเขากุมความได้เปรียบจากการที่บุกไปเอาชนะมาได้ 2 – 1 และนัดนี้พวกเขาก็ยังย้ำแค้น นกใหญ่พิฆาต ไปได้อีก 2 – 0 ซึ่งทั้ง 2 ประตูมาจากจุดโทษ แถม ชัยนาท ฮอร์นบิล ต้องมาเหลือแค่ 10 คนจาก 1 ใบแดงในช่วงท้ายเกม
จุดโทษทั้ง 2 ลูกถ้ามองแบบกลาง ๆ ไม่ผิดพลาดอะไรถ้าจะให้ ลูกแรกเป็นผู้รักษาประตูที่รวบทั้งบอลทั้งคน เนื่องจากไม่มี VAR และทิศทางของการปะทะอนุมาณได้ว่าเป็นการทำฟาวล์โดยผู้รักษาประตู ผู้ตัดสินจึงตัดสินใจเป่าเป็นลูกจุดโทษ พร้อมแจก “ใบเหลือง” ให้ผู้รักษาประตูทีมเยือน
ส่วนอีกลูกเป็นการทำฟาวล์โดยกองหลังทีมเยือนในลักษณะใช้มือและแขนผลัก ทำให้ผู้เล่นเจ้าบ้านล้ม ลูกนี้ทิศทางของการปะทะไม่ได้เป็นการเข้าแย่งบอลโดยกองหลังทีมเยือน และชัดเจนว่าไม่ใช่การกระแทกด้วยไหล่ ดังนั้นผู้ตัดสินจึงให้เป็นลูกจุดโทษ
เมื่อเรามองจากคลิปที่ออกมาหลังเกม 2 ลูกนี้ค่อนข้างเคลียร์ ส่วนในจังหวะที่ใกล้เคียงจะเป็นจุดโทษของทีมเยือนจากการเข้าขวางการเล่นของผู้เล่นทีมเจ้าบ้าน ลูกนี้ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้เป็นลูกฟาวล์ รวมถึงผู้ช่วยผู้ตัดสินที่น่าจะมองเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน ก็ไม่ได้ตีธงให้สัญญาณแต่อย่างใด แต่ถ้ามองอีกรอบจากคลิปแล้ว ก้ำกึ่งมาก ถ้าจะให้ก็คงไม่เกินกว่าเหตุ เนื่องจากเป็นการเข้าสกัดลักษณะกีดขวางการเล่นและมีการสัมผัสผู้เล่นทีมเยือนอีกด้วย
ส่วนอีกจังหวะที่ต้องพูดถึงคือ “ใบแดง” ของผู้เล่นทีมเยือน ที่ดูเจตนาเข้าปะทะรุนแรงเกินกว่าเหตุ ลูกนี้ชัดเจนไม่ต้องมีการอุทธรณ์แต่อย่างใด เพราะหลังจากทำฟาวล์แล้ว ผู้เล่นทีมเยือนก็หันหลังให้กับเกมแล้วเดินออกจากสนาม คล้าย ๆ น้อมรับคำตัดสินด้วย “ใบแดง” โดยตรง
จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็แล้วแต่ ลูกนี้ไม่ควรเล่น เพราะโอกาสพลาดจนทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บหนักมีสูงมาก นักกีฬาอาชีพไม่ควรทำร้ายคู่ต่อสู้ แม้จะมีเหตุมาจากการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หรือประการอื่นใด
จบจากเกมนี้ นครปฐม ยูไนเต็ด จะได้โอกาส “ล้างแค้น” ขอนแก่น ยูไนเต็ด จากการชิงแชมป์ไทยลีก 3 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่พวกเขาจบการแข่งขันด้วยการเป็นรองแชมป์ ในขณะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็จะมีโอกาสที่จะ “ย้ำแค้น” อีก 1 ฤดูกาล
จะว่าไปแล้ว 2 ทีมนี้เหมือนถูกลิขิตให้มาเป็น “คู่ชิง” ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ทั้ง 2 ทีมเริ่มกลับมาสู่เส้นทางลูกหนังอาชีพอีกครั้ง หลังจากเจอ “อุบัติเหตุ” กันมาทั้งคู่
ขอนแก่น ยูไนเต็ด เดิมคือ ปากช่อง ยูไนเต็ด ภายหลังได้มีการขายสิทธิ์การทำทีมและเริ่มต้นประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในการลงเล่นในระดับดิวิชั่น 1 ในปี 2016 จากเหตุการณ์ที่การ์ดของสโมสรไปลอบทำร้ายผู้ตัดสินหลังเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ในบ้าน นำมาซึ่งคำสั่งจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ตัดสิทธิ์หรือเป็นการพักทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในตอนนั้นโดยห้ามลงทำการแข่งขันฟุตบอลลีกในนัดที่เหลือและให้ลบคะแนนของขอนแก่นทั้งหมดเสมือนว่าขอนแก่นไม่เคยลงแข่งขันดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2016
และในปี 2018 การอุทธรณ์โทษก็ได้ผล พวกเขากลับเข้ามาร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกในระดับไทยลีก 4 อีกครั้งและทำผลงานเลื่อนชั้นได้ทุกฤดูกาลจนมาอยู่ในระดับไทยลีก 2 ฤดูกาลนี้
ทางฝั่ง นครปฐม ยูไนเต็ด ทีมที่มีประวัติยาวนาน ย้อนไปถึงยุค “ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก” พวกเขาก็มีเหตุการณ์ที่เรียกว่าเป็นอุบัติเหตุคล้ายกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เหตุการณ์แรกเป็นเหตุการณ์แฟนบอลของทีมไปทำร้ายผู้ตัดสินในปี 2010 พวกเขาถูกห้ามลงเล่น 2 ปี และภายหลังพวกเขาก็กลับมาร่วมลีกอาชีพอีกครั้ง แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ 2 ที่ทำให้พวกเขาต้องไปเริ่มต้นในไทยลีก 4 ฤดูกาล 2018 เนื่องจากไม่สามารถส่งเอกสารเกี่ยวกับคลับไลเซนซิงได้ตามเวลาที่กำหนด
และเส้นทางของพวกเขาก็เหมือนกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่เริ่มต้นใหม่ด้วยกันและก็เป็นทีมที่ได้เลื่อนชั้นทุกปี จนมาถึงปัจจุบัน
มาย้อนดูผลงานของทั้งสองทีมในระดับประเทศในไทยลีก 4 ฤดูกาล 2018 นครปฐม ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เป็นรองแชมป์ ทั้งคู่จูงมือกันมาเล่นต่อในไทยลีก 3 จนในบั้นปลาย แชมป์ในปีนั้นก็คือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ส่วน นครปฐม ยูไนเต็ด เป็นรองแชมป์ และทั้งคู่ก็เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในไทยลีก 2
ฤดูกาลนี้ทั้งคู่ก็ถือชะตาลิขิตให้มีอันต้องมา “ชิง” กันอีกเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน แต่ การชิงนี้ ไม่ใช่การชิงแชมป์ไทยลีก 2 แต่เป็น “การชิงแชมป์เพลย์ออฟ” ที่มีสิทธิ์การเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 1 เป็นเดิมพัน และจะมีเพียงแค่ 1 ทีมที่จะรักษาสถิติการเลื่อนชั้นใน 1 ฤดูกาล ส่วนอีก 1 ทีมจะหยุดสถิติของพวกเขาไว้เพียงไทยลีก 2 เท่านั้น
เกมนัดชิงแชมป์เพลย์ออฟ ก็จะเล่น 2 นัดในแบบ เหย้า-เยือน นัดแรกวันเสาร์ที่ 17 เมษายน ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะได้เป็นเจ้าบ้านก่อน โดยจะเปิด สนามอบจ. ขอนแก่น รับมือ นครปฐม ยูไนเต็ด ในเวลา 18.00 น. ก่อนที่ในนัดที่ 2 จะกลับไปเล่นที่ สนามโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม ในอีก 7 วันข้างหน้า ซึ่งทั้งสองนัดจะเป็นการแข่งขันแบบปิด ไม่เปิดให้แฟนบอลเข้าชม
สถิติในปีนี้ที่พบกันในเกมลีก เกมแรก นครปฐม ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 4 – 0 และในบ้านของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในนัดที่ 2 นครปฐม ยูไนเต็ด ก็ยังตามมาเก็บชัยชนะได้อีก 1 – 0 สรุปในลีกปีนี้ นครปฐม ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้ทั้งเหย้าและเยือน แถมไม่เสียให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แม้แต่ลูกเดียว
ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad
เครดิตภาพ : FB KhonkaenUTD / FB NakhonpathomUTD