ขอนแก่น ยูไนเต็ด 2 – 1 นครปฐม ยูไนเต็ด
นัดนี้ นครปฐม ยูไนเต็ด ทีมเยือน เริ่มเกมได้ดี เกือบจะเป็นเกมที่ได้ย้ำแค้นของ เสือป่าราชา นครปฐม ยูไนเต็ด ต่อเจ้าบ้าน เพราะเพียงแค่ 13 นาทีแรก ทีมเยือนก็ได้ประตูออกนำจากลูกจุดโทษ หลังจากนั้นพวกเขายังคงเปิดเกมเข้าบดขยี้เจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายพวกเขาใช้โอกาสเปลืองมากเกินไป ส่วนนึงคือการขาดหายไปของ แฟไรร่า ดอสซานโต๊ส ออสวัลโด้ เนโต้ รวมถึง จิรพันธ์ ผาสุกขันธ์ ในแนวรุก จังหวะจบสกอร์จึงไม่ชัดแจ้ง ยิงนก ตกปลา ไปเสียส่วนใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเพิ่มความได้เปรียบจากที่นำไปแค่ลูกเดียว
ก่อนจบครึ่งแรก ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็มาตามตีเสมอได้ จากจังหวะโต้กลับ ทำให้เมื่อจบครึ่งแรก สกอร์จึงกลับมาเท่ากัน แต่สิ่งที่ไม่เท่ากันคืออะเวย์โกล์ ที่อยู่ในมือผู้มาเยือน
ครึ่งหลังเรียกว่าเป็นหนังคนละม้วน ขอนแก่น ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน ที่สถานะเวลานั้นตกเป็นรอง แม้สกอร์จะเท่ากัน แต่โดนทีมเยือนบุกมายิงถึงในบ้าน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดเกมรุกเข้าใส่ เพื่อหวังจะทำประตูแซงเพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไป
เริ่มต้นครึ่งหลังเจ้าบ้านจึงเปิดตำราทำเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือนที่ใช้พละกำลังในครึ่งแรกไปเยอะ จนครึ่งหลังเห็นได้ชัดว่าเรี่ยวแรงเริ่มอ่อนล้าลง เพราะเกมที่แข่งกันมาทุกสัปดาห์ก่อนจะมาถึงนัดนี้ นักเตะตัวหลักก็ลงเล่นมาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือการทุมเทพละกำลังเพื่อการตีงู ที่ต้องตีให้ตาย แต่ถ้าตีไม่ตายก็เป็นทีของงู
เมื่อเป็นทีของเจ้าบ้าน โมเมนตัมที่ได้ลูกตีเสมอในท้ายครึ่งแรก จึงเพิ่มแรงฮึดให้ดาหน้าเข้าใส่ผู้มาเยือน ที่ตอนนี้ได้แต่ปัดป้อง แต่ด้วยจังหวะการเข้าทำที่ยังไม่คมพอ พวกเขาจึงต้องรอถึงนาทีแรกของช่วงทดเวลาบาดเจ็บกว่าจะมามีสกอร์เหนือผู้มาเยือน
เบ็ดเสร็จเกมนี้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ถอนแค้น นครปฐม ยูไนเต็ด ไปได้ 2 – 1 ถือเป็นชัยชนะนัดแรกที่มีในฤดูกาลนี้ หลังจากในลีกพวกเขาปราชัยให้ นครปฐม ยูไนเต็ด แบบไป-กลับ แถมยังยิงประตูไม่ได้อีกด้วย ซึ่งเครดิตในการแก้เกมก็ต้องยกให้ “โค้ชบอส” ปฎิภัทร รอบรู้ ซึ่งครึ่งหลังแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการเล่นของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด พลิกจากเป็นรองในครึ่งแรกมาเป็นต่อในครึ่งหลัง
“เสือป่าราชา” ของโค้ชธง นัดนี้ได้อะเวย์โกล์ตุนไป 1 ลูก และเกมในครึ่งแรกพวกเขาทำได้ดีกว่า แต่ต้องใช้พละกำลังมากกว่าเข้าแลก ถือว่าโชคยังดีที่ไม่เสียประตูให้เจ้าบ้านไปมากกว่านี้ เพราะในครึ่งหลังพวกเขาถูกบีบให้ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ นัดหน้าพวกเขาต้องกลับเปิดบ้านรับมือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ นัดนี้จะเป็นนัดชี้ชะตาว่าโควต้าที่เหลือเพียง 1 เดียวนี้จะเป็นของใครกันแน่ ซึ่ง ผู้เล่นที่ขาดหายไปของ นครปฐม ยูไนเต็ด จะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ
จุดนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า หากผู้เล่นตัวหลักของพวกเขากลับมาแล้ว ผลงานของพวกเขาจะทำได้ดีเหมือนตอนเล่นในเกมลีกหรือไม่ ผลของนัดที่แล้วจะเป็น “ข้ออ้าง” เมื่อยามพ่ายแพ้ หรือเป็น “ข้อเท็จจริง” ที่ตัวหลักขาดหายไป ผลงานของทีมจึงไม่สู้ดีนัก
เกมนี้คาดการณ์กันว่าจะเป็นเกมที่ดุเดือดอย่างแน่นอน เพราะช่องว่า 1 ประตูในเกม ชิงตั๋ว นั้นถือว่าไม่เยอะเลย โอกาสที่แต่ละฝ่ายจะเป็นผู้ชนะเมื่อนกหวีดยาวหมดเวลาดังขึ้น ซึ่งอาจจะเป็น 90 นาที 120 นาที หรือฎีกาจุดโทษก็เป็นได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด คาดหวังก็คือพวกเขาไม่แพ้ แค่นั้นก็จะเพียงพอให้พวกเขาขึ้นไปโลดแล่นบนลีกสูงสุดได้ แต่ถ้าหากแพ้ด้วยผลต่าง 1 ประตู พวกเขาก็คงคาดหวังให้ตัวเองยิงประตู นครปฐม ยูไนเต็ดให้ได้เยอะ ๆ ให้มากกว่า 1 ลูกขึ้นไป
ส่วนฟากฝั่งเจ้าบ้าน แน่นอน พวกเขาจะต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น และไม่ให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด บุกมายิงพวกเขา สกอร์ 1 – 0 จะเพียงพอให้พวกเขากลับไปสู่ลีกสูงสุดได้เหมือนตอนรุ่งโรจน์ แต่ถ้าเกิดพลาดพลั้งถูกทีมเยือนมาระเบิดประตูได้ พวกเขาต้องมีผลต่างตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไปจึงจะเป็นผู้คว้าตั๋วใบสุดท้ายไปครอง
แต่ถ้า 90 นาที นครปฐม ยูไนเต็ด เอาชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 2 – 1 ก็จะต้องเล่นต่อในช่วงต่อเวลาไปอีก 30 นาที หากยังหาผู้ชนะในเกมไม่ได้ ก็จะต้องส่งหน่วยกล้าตายออกมาดวลเป้าที่จุดโทษเพื่อหาหนึ่งเดียวที่คู่ควรขึ้นไปเล่นลีกสูงสุด
ซึ่งทางนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะคู่ชิงไทยลีก 3 ปีนี้ ก็จบลง 90 นาทีทั้ง 2 เกมด้วยผลการแข่งขันที่เท่ากัน จนต้องต่อเวลาพิเศษเพื่อหาผู้ชนะมาแล้ว
ดังนั้น โอกาสยังเปิดกว้างต่อทุกสถานการณ์ที่อาจจะเป็นไปได้ อยู่ที่เกมนี้จะไปจบกันที่ตรงไหน โดยเกมนี้จะเตะกันในวันเสาร์ที่ 24 เมษายน เวลา 18.00 น. ที่ สนามโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม บ้านของ นครปฐม ยูไนเต็ด
ตั๋วมีแค่ใบเดียว และเหลือแค่เพียงนัดเดียว และนัดนี้จะเป็นนัดปิดฉาก “คู่ชิงฟ้า(จะ)ลิขิต(ใคร)” จะมีหนึ่งทีมที่มีสิทธิ์จารึกประวัติศาสตร์ในฐานะทีมที่เล่น 4 ฤดูกาลใน 4 ลีกติดต่อกัน ส่วนอีก 1 ทีมเกือบจะได้เป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์นั้น เสาร์ที่ 24 นี้ รู้กัน
ฮิมต๋ายฮิมยัง : by TTDad