การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2 ฤดูกาล 2020-2021 เกมเพลย์ออฟไฟน่อลนัดสุดท้าย เพื่อหาอีกเพียงทีมเดียวที่จะได้เลื่อนไปร่วมลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า แข่งขันกันในวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลการแข่งขันมีดังนี้
นครปฐม ยูไนเต็ด 2 (3) – 1 (4) ขอนแก่น ยูไนเต็ด
ในเวลา นครปฐม ยูไนเต็ด 2 – 1 ขอนแก่น ยูไนเต็ด
รวมผล 2 นัด เสมอกัน 3 – 3 ต่อเวลาพิเศษ ยังเสมอกัน ดวลจุดโทษ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เอาชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด 4 – 3
นัดชี้ชะตา เพลย์ออฟนัดสุดท้าย นครปฐม ยูไนเต็ด เจ้าบ้านที่สกอร์เป็นฝ่ายตามหลัง จำเป็นต้องจบเกมในนัดนี้ด้วยผลชนะให้ได้เท่านั้น ส่วน ขอนแก่น ยูไนเต็ด ผู้มาเยือนที่มีสกอร์ได้เปรียบมาจากนัดแรก ขอเพียงแค่พวกเขาไม่แพ้ ตั๋วใบนี้ก็จะไม่หลุดมือไปไหน
ออกสตาร์ทนัดนี้ เจ้าบ้านได้ตัวผู้เล่นแนวรุกที่ขาดหายไปในนัดแรก จึงส่ง ออสวัลโด้ เนโต้ และ จิรพันธ์ ผาสุกขันธ์ ลงมาเป็นผู้เล่น 11 ตัวแรก หมายมั่นที่จะทะลวงประตูผู้มาเยือนให้ได้ แต่เกมที่ออกมานั้นไม่ได้ตรงกับที่คาดหมายเลย
รูปเกมโดยเฉพาะในครึ่งแรก เต็มไปด้วยความหวาดระแวงทั้งสองฝ่าย เพราะความเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่ต่อสู้ก่อนนั้น อาจเป็นหายนะในบั้นปลายได้ โดยเฉพาะผู้มาเยือนที่มีสกอร์ได้เปรียบ อย่างที่รู้ว่าถ้าพวกเขาไม่แพ้ พวกเขาจะเป็นสมาชิกใหม่ของลีกสูงสุดในทันที
ส่วนเจ้าบ้าน หากเพลี่ยงพล้ำให้ผู้มาเยือนก่อน งานหนักของพวกเขาที่มีหลังจบนัดแรก จะยิ่งทวีคูณความหนักหน่วงเข้าไปอีก เกมจึงออกมาเกร็ง ๆ เรียกให้ดูดีหน่อยก็คือ เต็มไปด้วยแท็กติค ครึ่งแรกจึงจบลงด้วยการทำอะไรกันไม่ได้
ผ่านมาครึ่งทางของการเล่นในเกมที่ 2 ความได้เปรียบจึงยังอยู่กับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แน่นอนว่า เจ้าบ้านไม่อาจจะทนสภาพแบบนี้ต่อไปได้ เพรายิ่งเวลาที่เหลือน้อยลง ความกดดันทั้งหมดจะถูกผลักมาไว้กับพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
เริ่มเกมในครึ่งหลัง จึงเป็นเจ้าบ้านที่เริ่มเปิดเกมรุกเข้าใส่ผู้มาเยือนมากขึ้น ยิ่งพวกเขาเร่ง ความผิดพลาดก็ยิ่งมาก ด้วยทฤษฎีที่การพาบอลไปข้างหน้าให้เร็วคือการโยนยาว ภาษาฟุตบอลเรียกว่า ไดเร็กฟุตบอล แฟนบอลอังกฤษยุคก่อนคงคุ้นชินกับรูปแบบนี้
ความผิดพลาดจากการทำเกม เป็นสาเหตุให้พวกเขาต้องเพลี่ยงพล้ำจากการโต้กลับของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด การกะจังหวะบอลตกพลาดทำให้สุดท้ายพวกเขาต้องมาเสียลุกจุดโทษ จากการเข้าสกัดผู้เล่นทีมเยือนในเขตโทษจากความผิดพลาดนี้
พลันที่ผู้มาเยือนได้ประตูขึ้นนำ ความกดดันก้อนมหึมาจึงถูกโยนเข้าใส่เจ้าบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย ความเสียเปรียบจากการนัดแรก รวมถึงอะเวย์โกล์ในนัดนี้ ส่งให้พวกเขาต้องมีสกอร์ตามหลังเป็น 2+ ยุทธวิธีเดิมต้องเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก
แต่ในเมื่อคู่นี้คือคู้ชิงฟ้าลิขิต จึงไม่ใช่เรื่องเหนือการคาดเดาที่จะมีการหักมุมอยู่บ้าง เมื่อจุดเปลี่ยนมาเกิดขึ้นเมื่อเหลือเวลาอีก 20 นาทีก่อนหมดเวลา ผู้มาเยือนต้องมาเหลือ 10 คนจากใบเหลืองแดง
สถานการณ์จึงพลิกผันกลับมาเป็นโอกาสของเจ้าบ้าน การแก้เกมด้วยการส่งแนวรุกลงมาเพิ่มเพื่อตามหาประตูที่พวกเขาต้องการก็เริ่มขึ้น ความกระหายใคร่ยิงผู้มาเยือน จึงเพิ่มดีกรีของเกมรุกให้เจ้าบ้าน และพวกเขาก็ทำสำเร็จ ด้วยการทวงคืน 2 ประตู ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอย่างเหลือเชื่อ 2 นัด ประตูรวม 3 – 3 มีอะเวย์โกล์ทีมละลูกเท่ากัน แต่เวลายังเหลืออีกอึดใจก่อนที่จะครบ 90 นาที
แต่สุดท้ายสกอร์นี้ก็อยู่ยงมาจนครบ 90 นาที การต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อหาผู้ชนะ จึงต้องเพิ่มเติมลงไป แต่จนแล้วจนรอด 120 นาทีผ่าน สกอร์ก็ไม่ขยับ หน่วยกล้าตายฝั่งละ 5 คนจึงถูกส่งลงมาสังหารลูกจุดโทษ
หลังจากที่ครบฝั่งละ 5 คนแล้ว เป็น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 4 – 3 กำตั๋วใบสุดท้ายไปเฉิดฉายในลีกสูงสุด ปิดฉากนัดชิงฟ้าลิขิตด้วยการเป็นฝ่ายเขียนประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว
หลังจบเกมมีหลายประเด็นให้ต้องพูดถึง โดยเฉพาะรูปเกมของเจ้าบ้าน เมื่อมีโอกาสเป็นฝ่ายกำหนดชะตาของตัวเองทั้งในเวลา 90 นาที และ 120 นาที ด้วยตัวผู้เล่นที่มีมากกว่า แต่สิ่งที่เราได้เห็นผ่านการถ่ายทอดสด พวกเขาไม่พยายามใช้ความได้เปรียบนั้นต่อผู้มาเยือน
โดยเฉพาะในช่วงต่อเวลาที่พวกเขาปรับแท็กติคจากการเติมผู้เล่นในเกมรุกเพื่อทวงประตูคืนในช่วงก่อนหมดเวลา ด้วยการถอดแนวรุกแล้วเติมผู้เล่นเกมรับลงไป ซึ่งใครดูก็คงว่าแปลก เมื่อมีเวลา 30 นาที มีผู้เล่นเหนือกว่า พวกเขาน่าจะใช้โอกาสนี้เปิดเกมรุกเข้าใส่เพื่อหาอีกซักลูกเพิ่ม เพื่อความได้เปรียบในช่วงต่อเวลา
ไม่เพียงการปรับแท็กติค แต่รูปแบบการเล่นที่เหมือนไม่อยากได้ประตูเพิ่ม ตลอดช่วงต่อเวลาพิเศษในครึ่งแรก ดูไม่แตกต่างจากเกมครึ่งแรกของเวลาปกติ ประหนึ่งเกรงจะเสียอะเวย์โกล์ให้ผู้มาเยือน ซึ่งในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่มีใครพูดถึงอะเวลย์โกล์กันอีกแล้ว
การเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่คาดหวังจะเป็นคนเปิดบอลเข้าในพื้นที่หวังผลก็ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย กลายเป็นการเปลี่ยนตัวที่เสียของ การโหมเข้าทำเมื่อเหลือเวลาอีกไม่มาก กลายเป็นการโยนทิ้งขว้างไปเสียหมด ทั้งหลายทั้งปวงคงมาจากความกดดันที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาเอง จนสุดท้ายพวกเขาต้องไปชี้ชะตาที่การยิงจุดโทษตัดสิน
อย่างที่เรารู้ การยิงจุดโทษตัดสิน เป็นการชี้ชะตาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย และสุดท้ายพวกเขาเองที่เป็นฝ่ายปราชัยจากการดวลจุดโทษ เป็นได้แค่เกือบเลื่อนชั้นไปลีกสูงสุด
คงโทษใครไปไม่ได้ คงต้องโทษตัวเองที่ไม่สามารถเอาความได้เปรียบนั้นมาแปลงเป็นรางวัลแห่งการเลื่อนชั้นในปีนี้
ปีหน้าฟ้าใหม่พวกเขาคงต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่เมื่อนัดแรกของไทยลีก 2 เริ่มต้นขึ้น ส่วน ขอนแก่น ยูไนเต็ด มีชื่อเป็นทีมที่ 18 ในการเล่นในลีกสูงสุดของเมืองไทยในฤดูกาล 2021 – 2022
พวกเขาทำสถิติตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรด้วยการเปลี่ยนลีกในทุกปีที่ลงเล่น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแบบเลื่อนชั้นนับรวมแล้ว 6 ฤดูกาล หวังว่าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนลีกอีกแล้วในฤดูกาลที่ 7
อย่าลืมว่าพวกเขาเป็นทีมสุดท้ายที่ได้เล่นลีกสูงสุด ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนที่อยู่ในแนวหน้าของลีกได้สัญญาใหม่ กับทีมใหม่ไปบ้างแล้ว ทรัพยากรที่พวกเขามีแน่นอนว่าคงต้องปรับเพื่อให้สามารถต่อสู้บนเวทีไทยลีก 1 เฉกเช่นเพื่อนร่วมลีก แต่ที่อยากได้ตอนนี้มีใครจองไปแล้วหรือยัง หลังจากนี้พวกเขาคงต้องกลับมาทุ่มเวลาเพื่อควานหาสรรพกำลังเพื่อการเล่นในลีกสูงสุดอย่างน้อยในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงนี้
เครดิตภาพ FB KHON KAEN UNITED
ฮิมต๋ายฮิมยาง by TTDad