สุดสัปดาห์นี้แล้วที่แฟนฟุตบอลที่ชอบในบอลไทยจะได้ชมเกมของสโมสรที่เชียร์ แม้ว่าบางสนามจะยังไม่อนุญาตให้เข้าไปชมเกมในสนามก็ตาม
ในระดับไทยลีก 1-2 แน่นอนว่า ผู้ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดอย่าง AIS Play จะออกมายืนยันแล้วว่า จะมีการถ่ายทอดครบทุกคู่ ตอนนี้มีพันธมิตรที่จะร่วมลงฟรีทีวี โดยมี ช่อง 5 เป็นช่องหลัก และ PPTV 36 และมี ช่อง GMM 25 ล่าสุด ที่เข้ามาร่วมถ่ายทอดสด ในสนามไม่ได้ดูก็ดูผ่านการถ่ายทอดสดได้ครับ
อย่างที่ได้เรียนกันไว้ก่อนแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ๆ สถานการณ์การแพร่ระบาดที่เปลี่ยนไป อาจได้เห็นการปรับเปลี่ยนตารางการแข่งขัน
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มเดิม ได้รับการผ่อนคลายให้สามารถจัดกิจกรรมบางอย่างได้ ซึ่งการแข่งขันกีฬาก็ได้รับการอนุญาตด้วย
ดังนั้นถ้าเราอ้างอิงตารางการแข่งขันเดิมที่ทางไทยลีกได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ก่อนที่ในวันที่ 17 สิงหาคม จะมีการปรับเปลี่ยนการแข่งขันในเดือนกันยายน เนื่องจากข้อกำหนดเรื่องการจัดแข่งขันกีฬา
และเมื่อมีการผ่อนคลาย ตารางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงตามประกาศวันที่ 17 สิงหาคม จึงถูกยกเลิก แล้วใช้ตารางการแข่งขันเดิมที่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมแทน
ผลก็คือเจ้าบ้านเดิมที่เคยต้องไปใช้สนามในพื้นที่ที่สามารถแข่งขันได้ ก็จะกลับไปใช้สนามของตัวเอง แต่ก็จะติดเงื่อนไขของการเข้าชมเกมในสนามนั่นก็คือ ต้องเป็นการแข่งขันแบบ “ปิด” ไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าไปชมเกมในสนาม และที่สำคัญคือ กำหนดเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถานที่เราเรียกติดปากว่า “เคอร์ฟิว” ยังคงเป็นเวลา 21.00 – 04.00 น. ใน 29 จังหวัดสีแดงเข้มต่อไปอีกอย่างน้อยก็ถึงวันที่ 14 กันยายน
แต่อย่างน้อยเจ้าบ้านที่อยู่ในจังหวัดสีแดงเข้มก็จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งการเดินทาง ค่าที่พัก และค่าเช่าสนามต่าง ๆ ทั้งหมดนี้คือค่าใช้จ่าย ถ้าต้องออกไปนอกบ้าน
สำหรับบางสนามที่มีการเปิดให้แฟนบอลจำนวนหนึ่งเข้าชมเกมในสนามได้ อันเนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการบางอย่างที่ ศบค. ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไข และผู้ที่จะอนุมัติจริง ๆ ในแต่ละพื้นที่จะเป็น ศบค. ของแต่ละจังหวัด
เราจึงได้เห็นว่าบางจังหวัดที่แม้นจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดสีเดียวกัน แต่ก็อาจมีบางอย่างที่สามารถทำได้ หรือทำไม่ได้ต่างกัน ทั้งนี้ต้องไม่เกินไปกว่าที่ ศบค. กำหนดไว้
เรียกว่า “เคร่งครัด” กว่านั้นได้ ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้า “หย่อนยาน” มากกว่า มีปัญหาอย่างแน่นอน เราจึงได้เห็นว่าบางจังหวัดดูจะระมัดระวังตัวเองมากกว่าจังหวัดอื่น
ผลที่ตามมาก็คือ กิจกรรมที่การรวมคนจำนวนมาก อย่างเช่นการเข้าไปชมเกมการแข่งขันในสนาม จึงยังไม่ได้รับอนุญาต แฟนบอลก็คงต้องรอต่อไป แต่สนามในจังหวัดไหนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมเกมได้ ก็ขอแสดงความยินดีกันด้วยครับ
มาที่ผลการแข่งขัน ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2021 ซึ่งผลของการพบกันระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ ไทยลีก กับ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ เอฟเอ คัพ นั้น แชมป์ไทยลีก เอาชนะไปได้ 1-0 คว้าแชมป์ไปครองได้เป็นครั้งแรก
เกมนี้ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด เสียเปรียบตัวผู้เล่นไปตั้งแต่นาทีที่ 18 เมื่อ BRINNER HENRIQUE SANTOS SOUZA โดนใบแดงจากการทำฟาวล์ DIOGO LUIS SANTO ในจังหวะกำลังจะหลุดเดี่ยว
แม้เป็นรองตัวผู้เล่นตั้งแต่ต้นเกม แต่ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้เป็นรองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในครึ่งแรก กลับมีโอกาสเข้าทำมากกว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ
ครึ่งหลัง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ลงสนามมาเริ่มบดเข้าใส่ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ตั้งแต่นกหวีดเริ่มต้นครึ่งหลัง แต่กว่าที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะเอาชนะได้ ก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 87 RYO MUTSUMURA ที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็ซัดประตูชัยให้กับแชมป์ไทยลีก พร้อมรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำนัดนี้ไปครองอีกด้วย
เป็นการคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในรายการนี้ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แม้รูปเกมจะยังไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะยังไม่ใช่เกมลีกจริง ๆ แต่ก็ต้องชม สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เล่นได้ดี จนเกือบจะมีโอกาสไปวัดดวงด้วยการยิงจุดโทษถ้ายันสกอร์ที่ 0 – 0 เอาไว้ได้
สังเวียนในการฟาดแข้งครั้งนี้ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ กับการปรับปรุงครั้งใหญ่ ถ้าใครได้ชมจากการถ่ายทอดสด จะเห็นภูมิทัศน์โดยรอบที่เป็นเก้าอี้นั่งทั้งหมด แถมความสว่างระดับ “มาตรฐานเอเชีย” ที่ 2,000 ลักซ์บวก แจ่มแจ้งไม่ต่างจากช่วงกลางวันเลย
แต่เนื่องจากการแข่งขันเป็นการแข่งขันแบบปิด สิ่งที่ขาดหายไปก็คือกองเชียร์ของทั้งสองทีม ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาชม จึงยังไม่ได้ยินเสียงเชียร์ว่าจะดังกระหึ่มแค่ไหนในสนามที่ปรับปรุงมาใหม่นี้ คงต้องคอยโอกาสในนัดต่อ ๆ ไป
ซึ่ง สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ในปีนี้จะเป็นสนามเหย้าของ สโมสร เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมในไทยลีก 1 และแม้จะอยู่ในจังหวัดพื้นที่มีแดง แต่การแข่งขันนัดแรกที่จะเปิดบ้านรับมือ ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด จนถึงตอนนี้ก็ยังจะเป็นการแข่งขันแบบ “ปิด”
มาปิดท้ายกันที่สโมสร ลำพูน วอริเออร์ กันบ้าง ก็ได้เห็นไปแล้วว่ามีการประกาศรายชื่อนักเตะที่เรียกว่า สร้างความฮือฮาสะเทือนเลื่อนลั้นวงการฟุตบอลไทย
การเซ็นสัญญากับ เจฟเฟ่น ซัวเรส นักฟุตบอลชาวเวเนซุเอลาที่อดีตเคยเป็นนักเตะของบาร์เซโลนา และลงเล่นให้แก่ทีมชาติสเปนชุดเยาวชน 30 นัด กับ อาลี ซิสโซโก้ อดีตนักเตะของทีมลิเวอร์พูล ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ทีมไทยลีก 1 เองยังต้องหันมามองทีมน้องใหม่ลีกพระรอง
ค่าเหนื่อยของทั้งสองคนนี้รวมกันจากข่าวก็ตกเดือนนึงเกือบ 4 ล้านบาท (เจฟเฟ่น 2 ล้าน อาลี 1.8 ล้าน) ไม่มีทีมไหนในระดับไทยลีก 2 ที่จ่ายค่าเหนื่อยในระดับนี้มาก่อน ส่วนในไทยลีก 1 ที่พอจะทราบก็จะเป็น ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่รับอยู่ที่ 3.3 ล้านบาทต่อเดือน
สิ่งที่สำคัญก็คือ “โค้ชปอนด์” จงสฤษดิ์ วุฒิช่วย หัวหน้าผู้ฝึกสอน เจ้าของตำแหน่ง โค้ชยอดเยี่ยม ไทยลีก 3 ฤดูกาล 2020 จะมีแผนการใช้งานนักเตะค่าเหนื่อยแพงระยับ ดีกรีนักเตะอาชีพที่ผ่านเวทีการแข่งขันในลีกชั้นนำมาอย่างโชกโชนอย่างไร คงต้องติดตามผลงานกันต่อไปครับ
by TTDad
#ฮิมสนาม #ฮิมสนามตั้งวงเล่า #อีซูซุศาลาเชียงใหม่ #ChiangmaiFreshmilk #zetajersey #ดาวเรืองตราบ้าน #ทรายป่าห้า #ไทยลีก #ไทยลีก2 #ไทยลีก3 #thaileague #ฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ภาคเหนือ #ข่าวบอล #ข่าวบอลไทย #ข่าวฟุตบอลไทย #ป้อก๊าแข้ง #ไทยลีก1 #บอลไทย #football