ฮิมต๋ายฮิมยัง : บอลลีก บอลถ้วย และ เรื่องนี้ต้องถึงฟีฟ่า

สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งบอลลีกและบอลถ้วย มีการแข่งขันกันครงทั้งสุดสัปดาห์ และกลางสัปดาห์ บอลลีกก็เข้าสู่ช่วงท้าย ๆ ของเลกแรกกันแล้ว

สัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยลีก 1 หรือ “ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก” เป็นเกมในแมทช์เดย์ที่ 14 จ่าฝูง “แข้งเทพ” ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด เก็บแต้มเพิ่มได้อีก 3 คะแนน ด้วยการลงทำศึก “บิ๊กแมทช์” ประจำสัปดาห์ รับมือ เมืองทอง ยูไนเต็ด และก็เป็นเจ้าบ้านที่เอาชนะไปได้ พร้อมกับครองจ่าฝูงไปได้ต่ออีก 1 สัปดาห์

ในขณะที่ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง เปิดบ้านเอาชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ 4 – 0 เป็นนัดที่นักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาและกำลังมีข่าวพัวพันกับหลายทีมในไทยลีก 1 ด้วยกันอย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ในฤดูกาลนี้ได้โอกาสลงสนามน้อยมาก นับจนถึงนัดล่าสุด เขาลงสนามในเกมลีกไปแค่ 4 นัด โดยที่เป็นตัวจริงแค่ 2 นัดเท่านั้น ใช้เวลาในสนาม 197 นาทีเท่านั้น

เรียกว่าน้อยจนน่าใจหาย และเมื่อสัญญาของเจ้าตัวที่มีกับต้นสังกัดจะหมดลงในเดือนธันวาคมนี้ และข่าวคราวที่ปรากฏในหน้าสื่อต่าง ๆ ว่าไม่น่าจะได้รับการต่อสัญญา ทำให้มีหลายสโมสรพร้อมจะอ้าแขนต้อนรับเขาในเลก 2

แต่ถึงกระนั้นหลังจากนัดล่าสุดที่ถล่ม ขอนแก่น ยูไนเต็ด อเล็กซานเดอร์ กามา กุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงให้สัมภาษณ์ในเชิงที่ยังต้องการเก็บเขาไว้ใช้งานต่อ แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ตราบใดสัญญาฉบับใหม่ยังไม่มีการลงลายเซ็น อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้

ส่วนนักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงอีกคน “เจ้าอาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโวประจำทีม ที่ยิงไปแล้ว 7 ลูกเท่ากับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จาก ชลบุรี เอฟซี ทั้งคู่เป็นนักเตะไทยที่ยิงได้สูงสุดในขณะนี้ ทำให้ทั้งคู่ฟอร์มเตะตา จนทำให้ “สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย” ประกาศรายชื่อ ติด 30 นักเตะทีมชาติไทยชุด “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” ที่ประเทศสิงคโปร์

ถือเป็นปีที่ “เจ้าอาร์ม” โชว์ฟอร์มได้ดีอีกปีนึงในสีเสื้อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฟอร์มการเล่น รวมถึงจำนวนประตูที่ยิงได้ มาโน่ โพลกิ้ง คงปฏิเสธไม่ลง

ส่วนอันดับ 3 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่คว้าชัยนัดล่าสุดได้เช่นกัน ทำให้ช่องว่าจากอันดับ 2 ยังคงอยู่ที่ 3 คะแนนเท่าเดิม

โซนท้ายตารางมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากชัยชนะในนัดล่าสุดของ สุพรรณบุรี เอฟซี ทำให้อันดับพวกเขากระเตื้องขึ้นมา 1 อันดับ ในขณะที่ พีที ประจวบ เอฟซี ที่เก็บได้แค่แต้มเดียวจะหล่นลงมาเป็นรองสุดท้ายแทน

และที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในอันดับสุดท้ายก็ยังคงเป็น เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่นัดล่าสุดพวกเขาก็ยังเก็บแต้มไม่ได้ โดยพ่ายคารังต่อ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ในศึกดาร์บี้แมทช์ล้านนา

เรียกว่าฟอร์มการเล่นตอนนี้เป็นที่น่าหนักใจสำหรับแฟนบอล ที่สิ่งที่กำลังมองหาชัยชนะของทีมรักเป็นนัดที่ 2 ของฤดูกาลว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ในขณะที่มีข่าวแว่ว ๆ ว่าในช่วงเลกที่ 2 “ช้างเผือก” คงต้องทำการผ่าตัดทีมขนานใหญ่ หากยังหวังจะอยู่รอดในลีกสูงสุด โดยนเฉพาะแนวรุกที่ยังใช้โอกาสเปลืองมากเกินไป

ส่วนไทยลีก 2 หรือ “เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ” แพร่ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่สามารถหยุดยั้งความร้อนแรงของจ่าฝูง ตราด เอฟซี ด้วยการบุกไปชิง 1 แต้มกลับมาได้ ทำให้ช่องว่างของอันดับ 2 ที่เพิ่งเปลี่ยนมือมาเป็น อุดรธานี เอฟซี ลดลงเหลือ 8 คะแนน ส่วน สุโขทัย เอฟซี ที่มีแต้มเท่ากับรองจ่าฝูง แต่ด้วยผลต่างประตูที่น้อยกว่า 2 ลูก ทำให้ต้องอยู่ในอันดับ 3 ไปก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์

ท้ายตาราง สโมสรฟุตบอลราชนาวี ยังคงจมอยู่ในอันดับสุดท้าย ระยะห่างจากโซนปลอดภัยตอนนี้อยู่ที่ 6 คะแนน ซึ่งเป็นงานที่หนักหนาสาหัส สำหรับการอยู่รอดในไทยลีก 2 ส่วนที่อยู่เหนือพวกเขา สโมสรฟุตบอลราชประชา มี 11 คะแนน น้อยกว่า ขอนแก่น เอฟซี และ นครปฐม ยูไนเต็ด 1 คะแนนเท่านั้น

ในไทยลีก 2 ยังคงมีอีกเรื่องที่อยู่ในความสนใจของแฟนบอลบ้านเรานั่นก็คือการออกมาเปิดเผยจาก มาร์ติน สตูเบิล แบ็คซ้ายทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่บอกว่าเขาได้แยกทางกับ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ซึ่งเหตุผลหลักก็คือการถูกค้างเงินค่าเหนื่อย ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้ยื่นเรื่องถึงฟีฟ่าเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย

ถือเป็นข่าวที่ถาโถมเข้าใส่ “ค้างคาวมหากาญจน์” อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของทีม การเปลี่ยนตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งทั้งหมดมาจากเหตุผลเรื่องงบทำทีมเป็นหลัก

ต้องยอมรับว่าความตั้งใจที่จะขึ้นชั้นในปีเดียว เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย จนได้ฉายา “เจ้าบุญทุ่ม” แห่งไทยลีก 2 แต่เมื่อผลงานในการลงทำศึกในลีกพระรองไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้เม็ดเงินที่ถูกหว่านไปในตอนแรก ไม่เกิดดอกผลอย่างที่มันควรจะเป็น

แน่นอนว่าถึงตอนนี้ เรายังมองไม่เห็นว่าสโมสรฟุตบอลจะมีรายได้เข้าสโมสรจากทางไหนเป็นกอบเป็นกำได้ เพราะสนามบางแห่งยังคงจำกัดผู้ชม เม็ดเงินจากผู้สนับสนุน รวมถึงลิขสิทธิ์ที่ถูกปันส่วนมาจากไทยลีกเองก็ลดน้อยถอยลง และไม่เพียงพอกับรายจ่ายของแต่ละสโมสร

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีข่าวเรื่องการขาดสภาพคล่องในสโมสรฟุตบอล เข้าสู่สภาวะ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” โดยเฉพาะในลีกรอง ลีกล่าง หรือแม้แต่ลีกสูงสุดบางทีมก็อาจจะยื้อไปได้ไม่กี่มากน้อย

มาปิดท้ายกันที่ผลการแข่งขัน ช้าง เอฟเอ คัพ ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย หลังจากจบรอบนี้ มีทีมที่มาจาก ไทยลีก 2 และ 3 ลีกละ 2 ทีม ส่วนอีก 12 ทีม ในรอบต่อไปเป็นทีมจากไทยลีก 1 ถือว่าทีมใหญ่ยังคงพาเหรดกันเข้ารอบกันได้อย่างพร้อมเพรียง

นัดที่ทำประตูกันมากที่สุดในรอบนี้ก็คงเป็นคู่ ลำปาง เอฟซี ที่เปิดบ้านเอาชนะ นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ ไปได้ 9 – 6 เป็นการแข่งขันที่จบลงในเวลา 90 นาที ที่ยิงกันไปรวมถึง 15 ประตู DEYVISON FERNANDES และ จักราวุธ สงมา 2 ผู้เล่นเจ้าบ้านทำไปคนละ 1 แฮททริกซ์

เกมที่ต้องเล่นกัน 120 นาที กว่าจะได้ผู้ชนะมีถึง 3 คู่ เริ่มที่ บางกอก เอฟซี 1 – 3 ลำพูน วอริเออร์ (ในเวลาเสมอกัน 1 – 1 ) มหาสารคาม สามใบเถา เอฟซี 2 – 0 เมืองทอง ยูไนเต็ด (ในเวลาเสมอกัน 0 – 0) และปิดท้ายกันที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 1 – 0 นครปฐม ยูไนเต็ด (ในเวลาเสมอกัน 0 – 0)

รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้วางฤกษ์จับสลากกันไว้ที่ 14 ธันวาคมนี้ เชื่อแน่นอนว่าเมื่อการแข่งขันงวดเข้ามา การแข่งขันก็จะเข้มข้นกันมากขึ้น และจะมีนัด “ยักษ์ชนยักษ์” หรืออาจจะมี “แจ็ครอฆ่ายักษ์” อย่างที่เคยเป็นมาในเกือบทุกฤดูกาล ก็ต้องคอยดูต่อไปครับ