ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง : รวมพลังทีมเหนือ(ขึ้น)ชั้น

ปิดฉากไปอย่างสมบูรณ์แล้วสำหรับฟุตบอลลีกของบ้านเรา เมื่อศึกเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ของไทยลีก 2 จบลงไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทำให้ตอนนี้เราได้รู้สมาชิกของลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า จากผลการแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 เป็น ลำปาง เอฟซี ที่พลิกสถานการณ์จากการตามหลัง ตราด เอฟซี ในครึ่งแรก 1 – 3 จนมาตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม

ก่อนเกมการแข่งขันในนัดนี้ สกอร์ที่ทั้งคู่ทำได้เมื่อนัดก่อนถือว่า เสมอกัน แม้ว่า ตราด เอฟซี ที่เป็นทีมเยือนในนัดแรก จะมีภาษีดีกว่าที่อเวย์โกล์

บวกกับสถานการณ์ที่พวกเขายิงประตูออกนำได้เร็วในนัดที่ 2 ทำให้สถานการณ์การเลื่อนชั้นของ ตราด เอฟซี ดูสดใสมากกว่าหลังผ่าน 45 นาทีแรกของเกม

แต่ลูกไล่หลัง 2 – 3 ของลำปาง เอฟซี ถือเป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมเป็นอย่างมาก ประตูที่ 6 ที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการตัดสินอนาคตเลยก็ว่าได้

เพราะถ้าหากลูกนี้เป็นของเจ้าบ้าน แทบจะการันตีการเลื่อนชั้นได้เลย เพราะช่องว่าง 2 ประตูนั้นจะเป็นงานยากของทีมเยือนทันที

แต่ถ้าเป็นของฝั่งทีมเยือนเมื่อไหร่ อเวย์โกล์ลูกนี้จะใหญ่มากเพราะข้ามผ่านจำนวนอเวย์โกล์ที่เจ้าบ้านได้มาในนัดแรกไปแล้วนั่นเอง

แล้วก็เป็นประตูของทีมเยือน ลำปาง เอฟซี ที่ตามตีเสมอเจ้าบ้านได้ และยันไว้จนจบ 90 นาที ทำให้เป็น ลำปาง เอฟซี ที่คว้าแชมป์เพลย์ออฟไปได้ พร้อมตั๋วเลื่อนชั้นอีก 1 ใบสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า

อย่างที่ทราบกันก่อนเกมนี้แล้วว่า จะไม่มีการใช้ VAR ในเกมการแข่งขัน ซึ่งจังหวะที่ได้ลูกจุดโทษของ ลำปาง เอฟซี ในครึ่งแรก และจังหวะที่ได้ลูกตีเสมอนั้น หลายทัศนะที่มองว่า หากมี VAR ทั้งสองจังหวะนี้จะไม่เป็นประโยชน์สำหรับ ลำปาง เอฟซี เลย

ที่ชัดเจนมากก็คงเป็นจังหวะล้ำหน้าก่อนที่จะเป็นประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม แต่เมื่อไม่มีการใช้ VAR ก็ต้องยกประโยชน์ให้ตามนั้นหล่ะครับ

เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ครั้งหน้าการพิจารณาใช้ VAR น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะอย่างน้อยก็จะช่วยให้ผลการแข่งขันออกมาอย่างที่ควรจะเป็น

ทำให้ประวัติศาสตร์ได้ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ว่า ทีมไทยลีก 2 ที่เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 1 หรือลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้าเป็นทีมที่มาจากโซนภาคเหนือทั้ง 3 ทีม และเพิ่มจำนวนเป็น 4 ทีมในดินแดนตอนบนของประเทศ มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เป็นโอกาสของแฟนบอลในภาคเหนือที่จะมีเกมไทยลีกมาเตะในภูมิภาคนี้ถึง 60 นัด ใน 4 สนาม 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และ สุโขทัย เรียกว่าดูไทยลีก 1 กันฉ่ำปอดกันเลยทีเดียว

2 ทีมจาก “2 ลำ” ทั้งลำพูน และลำปาง นี่ถือเป็นการขึ้นสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ และแน่นอนว่านี่จะเป็นน้องใหม่เอี่ยมอ่องของสมรภูมิไทยลีก ที่จะมีรุ่นพี่คอยต้อนรับสู่ “นรกไทยลีก” อย่างที่เคยพูดกันมา

ส่วน ตราด เอฟซี ที่ในช่วงก่อนปลายฤดูกาล ฟอร์มรูดอย่างไม่น่าเชื่อจนหลุดพื้นที่เลื่อนชั้นอัตโนมัติ แต่ด้วยฟอร์มที่ฟื้นคืนกลับมาในช่วงท้ายฤดูกาล ต่อมาจนถึงในช่วงแรกของการเพลย์ออฟ

แต่นั่นก็ยังไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขาที่หมายมั่นจะกลับสู่ลีกสูงสุดภายในฤดูกาลเดียวได้ ต้องพลาดท่าอกหักไปในที่สุด

ซึ่งในฤดูกาลหน้า ทีมที่ตกลงมาจากลีกสูงสุด ทั้ง สุพรรณุรี เอฟซี สมุทรปราการ ซิตี้ รวมถึง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ต่างก็มีเป้าหมายจะกลับมาให้ได้ในฤดูกาลเดียว ดังนั้น สมรภูมิของการแย่งตั๋วเลื่อนชั้น 3 ใบ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

ข้ามไปที่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2022 รุ่นไม่เกิน 23 ปี ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเวียดนาม ที่ประเทศอุซเบกิสถาน

ผลการแข่งขันที่เพิ่งจบลงไป ทีมชาติไทยที่เสียประตูเร็วตั้งแต่นาทีแรก ก่อนที่ตามตีเสมอได้ในครึ่งแรก ก่อนที่ ทีมชาติเวียดนาม จะได้ประตูออกนำอีกครั้ง แต่ก็มาพลาดในช่วงท้ายเกมให้ ทีมชาติไทย ตามตีเสมอได้อีกครั้ง

ทำให้จบเกมในนัดนี้ทั้งคู่แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน ในสภาพที่ค่อนข้างน่าแปลกใจที่ นักเตะทีมชาติเวียดนาม ออกอาการตะคริวหลายคนทั้งที่เกมยังไม่ผ่าน 1 ชั่วโมงของการแข่งขัน ถ้าเราดูเกมของเวียดนามในช่วงหลัง อาการแบบนี้ไม่เคยเห็นเลยก็ว่าได้

แต่ถึงอย่างนั้น ทีมชาติไทย ที่อุดมไปด้วยนักเตะลูกครึ่งที่เล่นอยู่ในลีกต่างประเทศ ก็ยังไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบเรื่องสภาพร่างกายที่ดีกว่า เก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งได้ ทำได้แค่เอาตัวรอดด้วยการตามตีเสมอ บนสถานการณ์ที่เหมือนจะดูดีกว่า

จุดนึงที่เราต้องยอมรับคือการเข้ามาของนักเตะลูกครึ่งจากลีกต่างแดนนั้น พวกเขามาพร้อมเทคนิคที่ดี สภาพร่างกายที่เป็นผลผลิตมาจากลีกอาชีพขนานแท้ ซึ่งพิสูจน์ได้จากเกมล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป

แต่การเล่นฟุตบอลที่ต้องเล่นร่วมกันเป็นทีม ที่ต้องสอดประสานร่วมกันทั่วทั้งสนามนั้น นัดนี้ก็ยังมองว่ายังไม่เข้าที่ ความเข้าใจในการเล่นบางจังหวะยังต้องการเวลาในการปรับจูน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่อง “เวลา” เป็นปัญหากับทีมชาติไทยแทบทุกชุดและแทบทุกรายการ

จนอาจมองว่าปัญหาเรื่องนี้คงแก้ไขได้ยาก เพราะไม่ว่าชุดไหน รายการไหน เราก็จะได้ยินเรื่องนี้เป็นประเด็นหลักในการเตรียมทีม

ยิ่งผนวกเข้ากับสถานการณ์ที่เรามีนักเตะลูกครึ่งที่ถูกเรียกเข้ามาเฉพาะในช่วงการแข่งขันด้วยแล้ว ทำให้เป็นปัญหาที่ชวนปวดหัวสำหรับทีมงานโค้ชที่ต้องรับผิดชอบในการคุมทีม แต่เมื่อมันเป็นงาน เป็นหน้าที่ก็ต้องรับกับสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้

การมีนักเตะที่มีประสบการณ์ที่ดีในลีกอาชีพต่างแดนก็เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้ทีมชาติประสบความสำเร็จในการแข่งขันในระดับนานาชาติ

แต่อีกมุมที่นักเตะสายเลือดไทยแท้ ที่เล่นอยู่ในลีกภายในประเทศ กลับไม่ได้รับโอกาส ไม่ถูกเรียกตัว ทั้งที่ผลงานดี ที่สำคัญคืออยู่ในสายตาของแฟนบอลที่ติดตามดูพวกเขาอยู่ทุกสัปดาห์

คงไม่ถึงขั้นขาดแรงจูงใจ แต่แน่นอนว่าถ้าเทียบกับสิ่งที่พวกเขาตั้งใจแล้วไม่มีคนมองเห็น ก็ต้องมีอาการกันบ้างแหล่ะครับ

ก็อยู่ที่นโยบายและแผนการทำทีมของผู้รับผิดชอบครับ ซึ่งแน่นอนว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือทำอย่างไรที่จะทำให้ทีมชาติไทยในทุก ๆ ชุด ทำผลงานได้ดีหรือประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นในภูมิภาคและในทวีป

แค่อยากแสดงมุมมองที่เรากำลังประสบพบเจอกันอยู่ในเวลานี้ ในเมื่อเรามีความเป็นชาติอยู่ในทุกส่วนแล้ว มุมมองที่หลากหลายและเป็นประโยชน์จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้ครับ

เครดิตภาพ : FB Lampang FC สโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี | FB ช้างศึก

by TTDad

Warut