ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง :    ก่งก๊ง ไทยลีก

ช่วงนี้เป็นช่วงปิดฤดูกาลของฟุตบอลลีก ทั้งลีกใหญ่ ๆ ในยุโรป รวมถึงฟุตบอลลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่างไทยลีกก็อยู่ในช่วงปิดฤดูกาล

ฟุตบอลลีกบ้านเราจะกลับมาโม่แข้งกันอีกครั้งเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม เริ่มต้นกันที่ไทยลีก 1-2 ไล่เรียงต่อไปที่ไทยลีก 3 เดือนกันยายน

แต่ก่อนจะถึงเกมการแข่งขัน ยังมีอีกหลายประเด็นที่จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนทั้งหมด เรามาไล่เรียงกันทีละประเด็นกันเริ่มที่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละลีกกันก่อน

ไทยลีก 1 จะมีทั้งหมด 16 ทีม ในฤดูกาลที่ผ่านมา สุพรรณบุรี เอฟซี สมุทรปราการ ซิตี้ และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เป็น 3 ทีมที่ต้องตกชั้น และ 3 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาก็มี ลำพูน วอริเออร์ สุโขทัย เอฟซี และ ลำปาง เอฟซี

ซึ่งทั้ง 16 ทีมจะต้องได้รับเอกสารยืนยันว่าพวกเขาได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันไทยลีก 1 ฤดูกาล 2022/23 โดยใช้การประเมินตามหลักเกณฑ์คลับไลเซนซิ่งเป็นหลัก ซึ่งทุกทีมก็จะต้องมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีคุณสมบัติตามเกณฑ์เหล่านั้น ซึ่งคงไม่ไปพูดถึงว่ามีอะไรบ้าง

ก็จนกว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการนั่นแหล่ะถึงจะรู้ว่า 16 ทีมนั้น จะมีทีมที่รอดตกชั้นจากฤดูกาลที่แล้ว รวมกับ 3 ทีมน้องใหม่ตามที่ไล่เรียงเอาไว้ข้างต้นหรือไม่

หรือจะมีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นกับทีมใดหรือไม่จนทำให้ไม่ได้รับใบอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่ ซึ่งผู้ชี้ชะตาก็คือ เอเอฟซี อันเป็นองค์การที่ดูแลเรื่องฟุตบอลของทวีปเอเชียเรา

สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังรวมไปถึงลีกอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน ซึ่งในไทยลีก 2 อย่างที่เราทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่า อุทัยธานี เอฟซี กระบี่ เอฟซี และ นครศรี ยูไนเต็ด ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นมาแทน สโมสรฟุตบอลราชประชา ขอนแก่น เอฟซี และ สโมสรฟุตบอลราชนาวี ที่ต้องตกชั้นลงไป

แต่จากข่าวคราวที่เราได้รับทราบกันมาอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวกับข้อกำหนดในเรื่องการทำคลับไลเซนซิ่ง ที่อาจจะมีบางสโมสรที่จะไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่ว่าด้วยเรื่องของ “การเงิน”

โดยเฉพาะประเด็นของการค้างค่าจ้างนักเตะในทีมที่ถูกร้องเรียน ฟ้องร้อง ไปยังองค์กรต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก

ซึ่งหากทีมที่จะผ่านเกณฑ์ข้อนี้ ก็จะต้องไม่มีเรื่องแบบนี้ค้างคาอยู่ ไม่ว่าจะในสถานะใดก็ตาม ที่ต้องใช้คำว่าสถานะก็เพราะ มันมีหลายสถานะ ไม่ว่าจะยื่นคำร้อง เจรจา จนไปถึงการไม่ปฏิบัติตามหรือง่าย ๆ ก็คือนักเตะยังไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนตามที่ต้องได้รับ ถือว่ายังติดปัญหาเรื่องการเงินนั่นแหล่ะครับ

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา หากได้ติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นในไทยลีก 2 ก็จะมี เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด และ อุดรธานี เอฟซี ที่มีข่าวว่ามีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการค้างค่าจ้าง และอาจเป็นเงื่อนตายที่จะทำให้พวกเขาไม่ผ่านเกณฑ์และต้องถูกขับออกจากการเป็นทีมในลีกอาชีพได้

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ชัดแจ้งว่าข่าวคราวนั้นจะเป็นจริงแค่ไหน และสถานการณ์ของพวกเขาถูกแก้ไขได้แค่ไหนกันแล้ว และเพียงพอที่จะให้ยังคงสิทธิ์ในการลงเล่นไทยลีก 2 ต่อไปหรือไม่ คำตอบก็คงจะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการของไทยลีกนั่นแหล่ะครับ คาดว่าในไม่กี่วันก็คงชัดเจน

ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราต่างรับทราบกันมาว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทีมไม่ครบ 18 ทีมก็จะต้องทำให้ครบให้ได้ และจุดที่เกิดเหตุคือทีมที่อยู่ในไทยลีก 2 เอง ก็จะต้องหาทีมในไทยลีก 2 มาเติมให้เต็ม อันได้แก่บรรดาทีมที่ตกชั้น ไล่เรียงไปตามอันดับเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล

แน่นอน เวลาที่จะให้ทีมที่รับ “ส้มหล่น” เตรียมตัวนั้นก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ หากระยะเวลายิ่งล่วงเลยไปอย่างนี้ วันเริ่มฤดูกาลใหม่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

ส่วนไทยลีก 3 หลังจากที่ได้ทีมจากอเมเจอร์ลีกเข้ามาเพิ่มเติมในแต่ละโซน ก็จะต้องมีการทำคลับไลเซนซิ่งด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่มีข่าวคราวของการ “พักทีม” เกิดขึ้นในหลายโซน ทำให้จำนวนทีมยังคงไม่นิ่ง ทำให้ตอนนี้ก็สับสนอลหม่าน ว่าโซนนี้มีกี่ทีม ใครที่จะได้ขึ้นบ้าง เพราะมันจะต้องมีการเตรียมตัวเพื่อทำคลับไลเซนซิ่งด้วย

ทีมที่ได้อันดับลดหลั่นมาบางทีมก็ได้รับสัญญาณให้เตรียมตัวทำคลับไลเซนซิ่ง แต่เอ๊ะ เราไม่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไม่ใช่หรือ แล้วจะต้องทำไปทำไม

ความสับสนก็เกิด เพราะการแปลความหมายว่าต้องทำนั้นมันคือได้สิทธิ์มาเล่นไทยลีก 3 อย่างนั้นหรือ? ที่จริงแล้วมันเป็นแค่การเตรียมตัวในฐานะ “สำรอง” หากตัวจริงเกิดอุบัติเหตุไม่ได้สิทธิ์ขึ้นมา ทีนี้แหล่ะสำรอง “อาจจะ” ได้ส้มหล่นแทนก็เท่านั้น

งงไหมครับฟุตบอลไทย ตอบตามตรงว่างง นี่ยังไม่รวมประเด็นที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสิทธิ์ที่จะได้เล่นบอลถ้วยเอเชียฤดูกาล 2023/24 อีกเรื่อง ที่ก็วุ่นวายมาอย่างต่อเนื่องอีก นี่ก็เห็นว่าจะพยายามหาข้อสรุปให้ได้ แต่เชื่อครับว่า ออกหน้าไหนก็มีทั้งพอใจและไม่พอใจแน่นอน

ส่วนเรื่องดี ๆ ของแต่ละสโมสรก็คงเป็นเรื่องการเปิดตัวนักเตะใหม่ของทีม ที่อาจจะมี “หวือหวา” หรืออาจจะ “ว๊า” ก็ว่ากันไปครับ

โควตาต่างชาติของฤดูกาลที่กำลังจะถึงนี้ขออนุญาตแจ้งกันอีกครั้งจากข่าวคราวล่าสุด ต่างชาติแท้ ๆ จะได้สิทธิ์ให้ส่งชื่อได้สูงสุด 5 คน ลงสนามในวันแข่งได้ 3 คน นักเตะเอเชีย ส่งชื่อและลงในวันแข่งได้ 1 คน

ส่วนนักเตะอาเซียน ได้รับการปรับให้เป็นส่งชื่อได้ไม่จำกัด แต่วันแข่งลงสนามได้ 3 คนเท่ากับนักเตะต่างชาติ

หลับตามองถ้าเอาแบบเต็มโควตาตามที่ให้มา 3+1+1 ในวันแข่ง จะเหลือนักเตะไทย 6 คนในสนามครับ แต่เชื่อเหลือเกินว่า โควตา อาเซียน ยังคงไม่เต็มค่อนข้างแน่ เพราะเกรดนักเตะในอาเซียนนั้น นักเตะไทยเองก็ไม่ได้เป็นรองชาติใดเลยครับ

ไหน ๆ ก็มาแวะเวียนเรื่องการเทียบเคียงกันในอาเซียนแล้ว ที่เพิ่งจบไปเมื่อคืนวันพุธ นักเตะทีมชาติไทย ในรายการฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2022 รุ่นไม่เกิน 23 ปี ก็มีอันต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน หลังลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มไป 3 นัด

ผลงาน ชนะ เสมอ แพ้ อย่างละ 1 นัด เก็บไปได้ 4 คะแนน ไม่เพียงพอให้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป ตรง ๆ ก็คือตกรอบแบ่งกลุ่มนั่นแหล่ะครับ ปล่อยให้ เกาหลีใต้ และ เวียดนาม เป็นตัวแทนของกลุ่มนี้ในรอบถัดไป

สัปดาห์ที่แล้วก็เขียนถึงประเด็นเรื่องนักเตะที่ถูกเรียกมาจากลีกดัง ๆ ในต่างประเทศ เรียกว่า “เกรดดี” เลยทีเดียว แต่ผลงานเมื่อมารวมทีมแล้วยังคงทำได้ดีไม่พอให้ผ่านรอบนี้ไปได้

สิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเหตุใดเราจึงไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ดูนักเตะแล้วถือเป็น “ชุดที่ดีที่สุด” ตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันมา นั่นก็คือ “เวลารวมทีม” ที่มีเพียงน้อยนิด

ผมเชื่อว่าระดับสต๊าฟโค้ช ก็ไม่เคยเห็นนักเตะบางคนเล่นให้เห็นกับตามาก่อน โดยเฉพาะนักเตะที่เล่นในต่างแดน

แต่ทำไมถึงฝืนที่จะดึงนักเตะเหล่านี้เข้ามาเล่น มากกว่าเลือกนักเตะที่ได้เห็นกับตาที่ลงเล่นในลีกในประเทศ และสามารถเรียกพวกเขามารวมทีมเพื่อซ้อมร่วมกันด้วยระยะเวลาที่นานมากขึ้น

รวมถึงการให้ความสำคัญกับบางอย่าง ไม่ใช่กับทุกอย่าง ทฤษฎีเรื่องการจัดการหลาย ๆ ทฤษฎี มักจะมองตรงกันคือ การลดความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องหลัก แล้วไปให้ความสำคัญกับเรื่องหลักมากขึ้น

การทุ่มใช้ทรัพยากรไปกับทุกเรื่อง เหมือนเป็นความพยายามที่สูญเปล่า สุภาษิตไทยอย่างเช่น “อย่าจับปลา 2 มือ” ก็คงพอจะเทียบเคียงได้อยู่

ก็นั่นแหล่ะครับ สุดท้าย เมื่อแพ้ เมื่อล้มเหลว ก็ต้องแชร์ความล้มเหลวนี้กับคนในชาติ เพราะนี่คือทีมชาติของเรา จะบอกว่าน้อยใจ เสียใจ ก็มีครับ แต่จะให้เลิกเชียร์ทีมชาติ คงทำไม่ได้

เครดิตภาพ : FB วิริยะ พงษ์อาจหาญ (Oop wiriya) | https://www.siamsport.co.th/home | https://www.smmsport.com/thaileague/

Warut