ฮิมต๋าย ฮิมยัง

เยือนก่อนได้ แต่อย่านาน

ยังคงคึกคักต่อเนื่องในช่วงลีกเปิด ตลาดซื้อขายนักเตะเปิด และแน่นอนว่าหลายทีมก็เริ่มเรียกนักเตะกลับมาซ้อมกันแล้ว

ส่วนเรื่องของคลับไลเซนซิ่งที่จนแล้วจนรอดก็ยังคงติดปัญหาในบางข้อกำหนดของบางสโมสร ทำให้จนถึงตอนนี้ยังคงมีสถานการณ์คลุมเครือ โดยเฉพาะในลีกรองและลีกล่าง

ไทยลีก 1 คงไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะจากที่ติดตามข่าวก็ไม่มีประเด็นที่จะเกิดอุบัติเหตุให้ทีมในลีกสูงสุดไม่ครบ 16 ทีม

จะเป็นห่วงก็แค่ทีมที่ได้โควต้าสุดท้ายอย่าง ลำปาง เอฟซี ที่รู้ตัวหลังใครเพื่อน หลังจบนัดชิงเพลย์ออฟ ซึ่งประเด็นหลักคงเป็นเรื่องของสนามเหย้าสำหรับการแข่งขันในบ้าน ที่ต้องยอมรับตามตรงว่า ยังคงต้องปรับปรุงให้ได้ตามมาตรฐานไทยลีก 1

ซึ่งทางแก้ไขก็คงจะมี 2 ทางเลือกใหญ่ หลังจากที่มีโครงการปรับปรุงสนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง ที่เราคุ้นชื่อว่า “สนามหนองกระทิง” ให้ได้ตามมาตรฐาน ที่ต้องใช้เวลาปรับปรุงอยู่พอสมควร จนไม่อาจจะได้ใช้ทันในช่วงเปิดลีกในเดือนสิงหาคม

ตัวหลักก็คือตัวสนามเอง ทั้งไฟส่องสว่างที่ว่ากันตามตรงคือเติมให้ครบตามมาตรฐาน เช่นเดียวกับเก้าอี้นั่ง แต่เรื่องใหญ่อยู่ที่พื้นสนามที่ทางทีมเลือกที่จะปรับปรุงในบางจุด เพราห้วงเวลาในการปรับปรุงจะเปลืองน้อยกว่าต้องทำทั้งสนาม

ซึ่งทางเลือกที่ว่าก็จะเป็นการย้ายสนามเหย้าชั่วคราว ไปใช้สนามที่ได้มาตรฐาน ถ้ามองเรื่องนี้ สนามที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็น สนามสมโภชน์เชียงใหม่ 700 ปีที่ตามข่าวมี 2 ทีมด้วยกันที่จะใช้สนามนี้ อันได้แก่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่เคยใช้ร่วมกันมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน รวมถึง ลำพูน วอริเออร์ ที่จำใจต้องยื่นขอใช้ร่วมด้วย เหตุเพราะสนามเหย้าของตัวเองต้องปรับปรุงยกใหญ่ ก็จะทำให้ไม่สามารถสอดแทรกมาเป็นทีมที่ 3 ได้ค่อนข้างแน่

ตามข่าวก่อนหน้านี้จึงมีความเป็นไปได้ที่จะไปใช้สนามพิชญสเตเดียม ของหนองบัว พิชญ เอฟซี ที่หนองบัวลำภู ข้ามฟากจากดินแดนล้านนาไปยังแดนดินถิ่นอีสานกันเลยทีเดียว ซึ่งตัวเลือกนี้คงไม่เหมาะหากจะว่ากันตามเหตุและผล

กับอีกทางเลือกก็คือการขอเล่นเป็นทีมเยือนก่อน นั่นคือจะต้องขอสลับการเล่นกับคู่ต่อสู้จากการเล่นเป็นทีมเหย้า ก่อนในเลกแรกก่อนที่จะกลับมาเป็นทีมเหย้าในเลกสอง

ซึ่งทางออกลักษณะเช่นนี้ เกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้หลายทีม อันเนื่องมาจากการประสบปัญหาที่ไม่สามารถใช้สนามเหย้าของตัวเองได้ จึงจำเป็นต้องขอเล่นเป็นทีมเยือนก่อน

ถามว่าการลงเล่นเหย้ากับเยือนมีความสำคัญยังไง แน่นอนการเล่นในบ้าน ถือว่าเป็นการเล่นที่ได้เปรียบคู่แข่ง จากความคุ้นเคยสนาม และกองเชียร์ที่สามารถเข้ามาเชียร์และกดดันคู่แข่งได้มากกว่า

ส่วนการเล่นเป็นทีมเยือนก็จะเสียเปรียบเจ้าบ้าน หากต้องลงเล่นในฐานะทีมเยือนก่อน แล้วผลการแข่งขันไม่เป็นใจ นั่นเท่ากับว่าโอกาสในการเก็บแต้มนั้นจะยากกว่าการเล่นเป็นทีมเหย้า แล้วถ้ายิ่งผลงานไม่ดีต่อเนื่องนาน ไม่เป็นผลดีต่อการทำอันดับในตารางคะแนน

ก็หวังว่าสถานการณ์ของน้องใหม่ทีมสุดท้ายจะไม่ถึงกับเลวร้ายอย่างที่ร่ายยาวมาข้างต้น ด้วยการรีบเร่งให้ตัวเองสามารถกลับมาลงเล่นในฐานะทีมเหย้าได้ไม่นานจนเกินไป จากการประเมินของทีมคาดว่าจะเป็น 3 – 4 นัดเท่านั้น

ส่วนนักเตะต่างชาติที่เป็นสนใจของบรรดากองเชียร์ว่าจะมีการเปิดตัวนักเตะต่างชาติคนใหม่ของทีมได้เมื่อไหร่และเป็นใครกันบ้าง

นักเตะต่างชาติในบอลลีกบ้านเราต้องยอมรับว่าเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งคือทำให้ทีมแข็งแกร่ง สร้างความได้เปรียบให้กับตัวเอง โอดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้าที่แต่ละทีมจะคอยมองหาเป็นตำแหน่งแรกหากต้องใช้บริการนักเตะต่างชาติ

ฟุตบอลคือเกมการแข่งขันที่วัดผลแพ้-ชนะที่การทำประตู หากมีกองหน้าที่มีความสามารถในการทำประตูอยู่ในทีมแล้ว ก็มั่นใจได้ว่าทีมจะมีโอกาสได้ชัยชนะ และถ้าเป็นกองหน้าจอมถล่มประตูด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทีมมั่นใจมากขึ้น

ทีมใหญ่ อย่างแชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จัดการเปิดตัวผู้เล่นต่างชาติอย่าง ดิเอโก บาร์ดันกา จาก ปุสซา นีโปโลมิเซ รวมถึง แฟรงค์ คาสตาเญดา จาก วอร์ตา พอซนัน สองทีมในลีกโปแลนด์ ตามมาด้วย ลอนซานา ดุมบูยา ที่ย้ายกลับมาไทยลีกอีกครั้งจาก เซียงไฮ เซินหัว และปิดท้ายที่ โกรัน เคาซิซ จาก อาร์เซนอล ทูลา รัสเซีย

เรียกว่า หนักหน่วงจริง ๆ เป็นห่วงทีมคู่แข่งในฤดูกาลนี้เหลือเกิน ดูแล้วเป้าหมายการป้องกันแชมป์ รวมถึงการวางแผนทีมในการเล่นถ้วยเอเชียของ “ปราสาทสายฟ้า” น่าเกรงขามจริง ๆ

ส่วนทีมใหญ่อย่างรองแชมป์ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เริ่มจาก เปาโล คอนราโด ที่ขึ้นลิฟท์มาจากลีกรอง ตราด เอฟซี และ ลิดอร์ โคเฮน จาก หนองบัว พิชญ เอฟซี และนำเข้า กาซิโอ ไซด์ มาจาก วาร์ซิม เอสซี ทีมในลีกโปรตุเกส

ส่วน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แลดูเหมือนจะพอใจในขุมกำลังต่างชาติของตัวเอง แม้จะปล่อย แอนโธนี คาร์เตอร์ แต่ก็เติมต่างชาติแค่คนเดียวในตอนนี้ วิลเลน โมตา จาก พีที ประจวบ เอฟซี

ทางด้านเจ้าบุญทุ่มแห่งคลองเตย การท่าเรือ เอฟซี ก็จัดการเตมต่างชาติฉลองโควต้าที่เพิ่มขึ้นในฤดูกาลนี้ ด้วยการดึง แฮมิลตัน โซอาเรส และเพื่อนร่วมทีมที่มาก่อนแล้ว แอร์ตอน ติราบาสซี จาก หนองบัว พิชญ เอฟซี นอกจากนั้นก็ยังมีนักเตะที่นำเข้ามาอย่าง กิลแยร์เม ปินโต จาก อินชอน ยูไนเต็ด เกาหลีใต้ และ ฟราน ปูโตรส จาก วีบอร์ก ลีกโคนม ถือเป็นการนำเข้านักเตะจากนอกประเทศในรอบ 2 ฤดูกาลของทีม

นี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวในการเสริมผู้เล่นต่างชาติเพื่อเตรียมสู้ศึกในไทยลีก 1 ของบรรดาทีมหัวแถวของประเทศ จะแปลกใจไหมที่ทำไมไม่พูดถึง เมืองทอง ยูไนเต็ด บ้าง ว่าเสริมต่างชาติรายไหนมา

จากข่าวคราวล่าสุด ยังไม่มีการเสริมผู้เล่นต่างชาติรายใหม่เข้ามาสู่ทีมแม้แต่รายเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ต่างชาติ แม้แต่นักเตะไทยเองก็ยังไม่มีการเสริมเช่นกัน จะมีก็แต่การขยายสัญญานักเตะในฤดูกาลที่แล้ว

เฮนรี่ อานิเยร์ ศูนย์หน้าทีมชาติเอสโตเนีย ที่เพิ่งย้านมาร่วมทีมในเลกสอง ผลงาน 8 ลูกจากการลงเล่น 14 นัด เพียงพอที่จะให้เขายังคงได้อยู่ต่อภายใต้เสื้อหมายเลข 9 ของทีมในฤดูกาลใหม่

นั่นแหล่ะครับ คือยกแรกที่จะพูดถึงการเสริมตัวผู้เล่นต่างชาติของแต่ละทีม สถานการณ์ยังคงอยู่ในช่วงเปิดตลาดที่ยังคงเปิดกว้าง ตราบใดที่ยังไม่เต็มโควตาครับ

เครดิตภาพ : FB Lampang FC สโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี |FB  BURIRAM UNITED | FB BG Pathum United | FB การท่าเรือ เอฟซี Port FC  |https://www.smmsport.com/

by TTDad

Warut