ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง : ชาตินี้จะไปบอลโลกงั้นหรือ

จบไปแล้วกับเกมแดงเดือดนอกเกาะอังกฤษ บนแดนดินที่ห่างจากจุดกำเนิดที่ 7 ชั่วโมงตามเส้นแบ่งเวลา

เป็นทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เทน ฮาก ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้แบบมิตรภาพ 4 – 0 บนรูปเกมที่สุดแสนจะสนุกจากสายตาของคนดูที่เข้าไปชมเกมที่ราชมังคลากีฬาสถาน

ส่วนแฟนบอลที่อาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะไปชมที่สนาม รวมถึงราคาค่าตั๋วที่ค่อนข้างสูงมากไปสักหน่อยในภาวะที่ยังต้องยืดช่วงเวลาการใช้จ่ายเงินออกไปให้นานที่สุด

แฟนบอลส่วนนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยการชมผ่านการถ่ายทอดสดที่ถูกโปรโมทมาอย่างต่อเนื่องยาวนานทางกล่องรับสัญญาณ แอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ของผู้ให้บริการรายหนึ่ง

แต่เมื่อถึงเวลาการแข่งขัน ผู้ใช้บริการจำนวนมาก รวมถึงผมด้วยที่ไม่อาจได้โอกาสสัมผัสเกมแดงเดือดผ่านการถ่ายทอดสด ไม่ว่าจะช่องทางไหน สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจไม่น้อยแบบ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” จะได้ดูไหมหล่ะนี่

คล้อยหลังปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้ให้บริการก็ทะยอยส่งข้อความสั้นอันมีใจความเชิงชดเชยปัญหาที่เกิดขึ้น ไปถึงมือผู้รับบริการในรูปแบบต่าง ๆ

ด้วยขอเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนตัวผมก็คือได้รับการยกเว้นค่าบริการเป็นระยะเวลา 1 วันเต็ม ๆ ที่บอกว่าไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะไม่มีช่องทางไหนให้ทำได้นั่นเองครับ

ด้วยความคารพครับท่านประธาน ไม่ใช่ซิ เราไม่ใช่ตัวแทนปวงชนชาวไทยในสภา

ด้วยความเคารพครับผู้ให้บริการ อันปัญหาที่อาจเกิดจากการที่ระบบไม่อาจรองรับผู้ใช้ปริมาณมหาศาลในเวลาเดียวกันนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะเกิด

ท่านเองในคราวที่ผู้ให้บริการรายหนึ่งเกิดปัญหาระบบล่มเมื่อตอนลงทะเบียนของรัฐ ท่านเองก็ไปบลัฟว่าของท่านจะไม่ล่ม

แต่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ในความเป็นจริง ท่านเองก็ล่มได้ ท่านเองก็เกิดปัญหาได้ แม้ท่านเองเคยเห็นประสบการณ์ของรายอื่น นี่ยังเป็นนัดที่คาดว่า แฟนบอลจะหลั่งไหลมายังแพลตฟอร์มที่ท่านให้บริการล้นหลามแน่นอน

แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังเกิด และผมเชื่อว่า หากในอนาคตมีผู้ให้บริการรายใดกล้าหาญชาญชัย จับเอารายการสำคัญมาปล่อยยังแพลตฟอร์มคล้ายกันแบบนี้ ปัญหาอาจเกิดขึ้นแน่นอน

เอาเถอะครับ เมื่อทุกอย่างผ่านไป อารมณ์หงุดหงิดในเวลานั้น เชื่อว่าถึงตอนนี้เราคงได้ระบายจนทำให้ระดับความร้อนนั้นลดลงมาแล้วหล่ะครับ

เราพร้อมจะไปมุงเรื่องใหม่ ที่เชื่อเหลือเกินว่า จะมีอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้มุงกันตลอด เรื่องถัดมาจึงเป็นเกมระดับชาติ

ในเกมระดับภูมิภาค สำหรับการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนชิงแชมป์เยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี เจ้าหนูเยาวชนไทย ก็จอดป้ายแค่รอบรองชนะเลิศ ผลจากการพ่ายแพ้เจ้าหนูเยาวชนทีมชาติลาว 0 – 2 ทำให้ได้แค่ไปชิงอันดับที่ 3 กับเวียดนาม เพื่อนร่วมสายในรอบแบ่งกลุ่ม และล่าสุด ก่อนที่ฮิมต๋ายฮิมยังตอนนี้จะออก ก็ปรากฏว่า เราก็แพ้เวียดนามในการดวลจุดโทษ 3-5 หลังเสมอกันในเวลา 1-1

โดยเฉพาะหลังเกมกับลาว สื่อออนไลน์หลายสื่อ เกรียนคีย์บอร์ดหลายคน พาดหัวด้วยความเกรี้ยวกราด และชี้ไปที่การพ่ายแพ้นี้ว่า เรามาถึงจุดนี้แล้วหรือ จุดที่ว่าก็คือจุดที่เราแพ้แม้กระทั่งลาว ชาตินี้จะไปบอลโลกงั้นหรือ ฝันไปเถอะ !!!

ผมมองว่านี่คือการที่สื่อเองไม่ใช่สื่อที่มีน้ำใจนักกีฬา คิดแต่เรื่องชนะอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงความเป็นกีฬา ที่มีผลแพ้ ชนะ และ เสมอ

ใจจริงไม่อยากจะชี้ชัดให้มากไปกว่านี้ เพราะวลีที่เปรียบเสมือน “ด้อยค่า” ชนชาติอื่น ซึ่งไม่ควรมีอีกต่อไปแล้วบนโลกใบนี้

ไม่ว่าจะวงการไหน สิ่งที่มิอาจยอมรับได้ก็คือการเหยียดหยาม บูลลี่ หรือ การด้อยค่าผู้อื่น ในห้วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการรณรงค์เรื่องการเหยียดผิวในวงการกีฬา ทั้งระดับสโมสร ในระดับโลก เราเห็นกันอยู่เป็นประจำ

ดังนั้น การจะไปบอกว่าเสมือนเราพ่ายทีมที่ด้อยกว่า จึงไม่น่าจะไปกล่าวเช่นนั้น กลับกัน หากเรามองถึงพัฒนาการของทีมชาติลาววัยละอ่อนในรายการนี้

การลงเล่นของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่ม การเก็บ 12 แต้มเต็มจากการลงสนาม 4 นัด บ่งบอกถึงการที่พวกเขามีความแข็งแกร่งในรายการนี้ แม้แต่มาเลเซีย คู่ชิงในรายการนี้ ก็ยังโดนพวกเขากำราบมาแล้ว

ทีมชาติไทยเอง ในรายการนี้รอบแบ่งกลุ่มก็ยังไม่แพ้ แต่ถ้ามองภาพรวมของทีมถือว่ายังทำผลงานได้ไม่ดี เพราะเกมฟุตบอล ตัดสินกันที่ใครยิงประตูได้มากกว่าในเกมนั้น เป็นผู้ชนะ

ไม่มีการให้คะแนนรูปแบบการเล่น ไม่มีคะแนนผ่านบอล ไม่มีคะแนนครองบอล ยิงน้อยกว่าคือแพ้ นั่นคือกติกา

ในรายการนี้เราเองยิงประตูได้แค่ 7 ประตู ในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นอันดับที่ 5 จาก 6 ทีม แต่ก็เสียแค่ 1 ลูกเท่านั้น วินาทีนี้เราจึงต้องกลับมามองว่า เหตุใดเราจึงทำประตูได้น้อย โอกาสการเข้าทำเป็นอย่างไร ประสิทธิภาพในการจบสกอร์เป็นเช่นไร

เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องนำไปวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการสร้างทีม โดยเฉพาะในระดับเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของเราในวันข้างหน้า

ไม่ว่าจะเรื่องการคัดสรรผู้เล่น ที่นอกจากจะมองไปที่นักเตะที่สังกัดสโมสรใหญ่ แต่หาโอกาสลงเล่นได้น้อย ส่วนนักเตะที่ได้ลงเล่นบ่อยแต่อยู่กับสโมสรเล็ก ๆ ทำผลงานได้ดี โอกาสจะมีให้พวกเขาหรือไม่

รูปแบบการเล่นที่แต่ละชาติมีการพัฒนาไปแบบไหน เราจะปรับตัวอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผู้รับผิดชอบอย่างสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เรื่องนี้หากไปล่อยไปแบบแล้วแต่ฟ้าลิขิต คงไม่เป็นผลดีอะไรแน่

ปิดท้ายกันที่ลีกไทยกัน ย่างเข้าสู่เดือนสุดท้ายก่อนฟุตบอลลีกจะเริ่มเปิดฉากกันแล้ว แต่ละทีมตอนนี้ต่างก็เปิดตัวนักเตะที่จะลงทำศึกในฤดูกาลหน้ากันเกือครบตามโควต้าที่อยากได้แล้ว

ส่วนเกมอุ่นเครื่องก็จะเริ่มมีให้เห็นถี่มากขึ้น เพราะโค้งสุดท้ายในการเตรียมทีม ปรับจูน ตามแท็กติคที่โค้ชวางรูปแบบเอาไว้

แต่สิ่งที่พึงระวังกันก็คือ การบาดเจ็บจากการอุ่นเครื่อง ที่ในแต่ละปีก่อนเปิดฤดูกาล เรามักจะได้ข่าวนักเตะที่บาดเจ็บในช่วงนี้ จนอดที่จะได้เล่น บางคนเป็นสัปดาห์ บางคนเป็นเดือน

หากบางคนโชคร้ายอาจยาวนานจนแฟนบอลลืมไปเลยว่า คนนี้ส่งลงทะเบียนด้วยหรือนี่ ต้องระวังกันให้ดีนะครับ

เครดิตภาพ : FB ช้างศึก | FB aseanfootball

by TTDad

Warut