ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง :: แรงบันดาลใจสร้างให้เรายิ่งใหญ่ได้

ช่วงนี้ลีกไทย รวมถึงหลายลีกของหลายประเทศกำลังอยู่ในช่วงเตรียมทีม เพื่อจะได้เปิดฉากบรรเลงเพลงแข้งในช่วงกลางเดือนหน้านี้ นับนิ้วมือดูก็อีก 2 สัปดาห์กว่า ๆ เท่านั้นเอง

การเปิดตัวนักเตะใหม่ในตอนนี้ก็ดูจะลดความถี่ลงไปเยอะพอสมควร ด้วยโควตาที่แต่ละทีมมีและหามาเติมกันแล้วในช่วงแรกของการเปิดตลาดซื้อขาย ทำให้ในช่วงนี้เป็นช่วงเก็บตกของแต่ละทีม

โควตาอย่างที่ทราบกันว่า ไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2022/23 ต่างชาติจะมีที่ว่างให้ใส่ชื่อลงไปได้ 5 คนด้วยกันในการลงทะเบียน แน่นอนว่า โควตานี้ เป็นเหมือนโควตาหลักที่แต่ละทีมพยายามจะใส่ให้เต็มตามที่ลีกอนุญาต

ส่วนที่น่าสนใจอีกอย่างคือโควตา อาเซียน เพราะถ้ามองระดับของลีกไทยแล้ว ถือว่าเป็นลีกแนวหน้าในภูมิภาคนี้ นักเตะระดับทีมชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างก็อยากมาโชว์เพลงแข้งที่บ้านเรา

นักเตะจากอาเซียน ก็จะเป็นแรงดึงดูดให้แฟนบอลในย่านนี้ติดตามการแข่งขันของลีกไทยด้วยเหตุผลที่มีแข้งจากชาติของพวกเขามาลงเล่นด้วย ยังไม่นับถึงแฟนบอลที่จากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อมาทำงานในบ้ายนเราอีก

เชื่อเหลือเกินว่า จำนวนผู้ชมฟุตบอลลีกไทยจะเพิ่มขึ้นในหมู่ประเทศอาเซียน อันมีเหตุผลมาจากการเพิ่มโควตาให้กับนักเตะในดินแดนแถบนี้ให้มากขึ้น

นอกจากนี้แล้ว ก่อนเปิดฤดูกาล ก็จะมีเกมอุ่นเครื่องของแต่ละทีม ซึ่งในช่วงหลัง ๆ เราจะเห็น การออกไปทัวร์ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ อย่างเกมสี่เส้าที่เมืองสงขลาในรายการที่มีชื่อว่า “ล่องใต้ 2022” ที่สโมสรฟุตบอลสงขลา เอฟซี

อีก 3 ทีม ประกอบไปด้วย การท่าเรือ เอฟซี ชลบุรี เอฟซี และโปลิศ เทโร เอฟซี ทีมในระดับไทยลีก 1 เกมระดับภูมิภาคของประเทศที่เป็นอีกสนามที่เคยครองจำนวนแฟนบอลเข้าชมสูงสุดของประเทศ ณ สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา

การออกไปเตะในต่างจังหวัดแบบนี้ นอกจากจะได้เล่นในเกมก่อนเปิดฤดูกาลแล้ว ยังเปิดโอกาสให้แฟนบอลต่างจังหวัดได้โอกาสชมเกมที่มีทีมในลีกสูงสุดของประเทศเล่นอีกด้วย

หากไม่มีรายการใหญ่ ๆ มาเล่นแล้ว โอกาสที่แฟนบอลได้ได้เห็นทีมใหญ่มาเล่นนั้นน้อยมาก จะมีโอกาสก็แค่บอลถ้วยเท่านั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการจับสลากอีกที

ผลพลอยได้อีกทางก็คงเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา ให้กลับมาคึกคักหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ได้คลี่คลายลง และมาตรการผ่อนคลาย ก็จะช่วยให้กิจกรรมทางด้านการกีฬา ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจด้วย

ผลจากการตอบรับที่ดีของแฟนบอล และเม็ดเงินที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ทำให้แฟนบอลชาวสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงจะได้ชมเกม สงขลา เอฟซี จะเปิดรังเหย้า สนามติณสูลานนท์ พบกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้อีก 1 นัด

ส่วนอีกจุดที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กันก็คือที่ปัตตานี เมื่อ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้คว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลก่อน เดินทางมาเล่นนัดอุ่นเครื่องในรายการ Asean Charity Shield กับทาง เนกรี เซมบิลัน เอฟซี ทีมอันดับ 3 จากมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก

เกมในนัดนี้มีคนดูร่วม 15,000 คน เป็นปรากฎการณ์ “สนามแตก” อีกครั้งในพื้นที่ล่างสุดของประเทศ ที่เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

เป็นการยืนยันว่า ทุกพื้นที่ของประเทศ การตอบรับกับเกมการแข่งขันของทีมใหญ่ หรือแม้แต่ในระดับนานาชาติ แฟนบอลจะเข้ามาชมเกมในสนามจนแน่นขนัด

ดังนั้นนโยบายที่จะเปิดโอกาสให้มีเกมการแข่งขันในระดับใหญ่ ๆ กระจายออกไปจัดการแข่งขันในต่างจังหวัดที่มีความพร้อม จึงเป็นนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมให้ความนิยมในเกมฟุตบอลยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปได้

อีกอย่างจะเป็นภาพจำให้กับเยาวชนในรุ่นต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะการซึมซับบรรยากาศในสนาม มีแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลต่อไป

เขียนมาถึงตรงนี้ ก็คงต้องยกตัวอย่างนักเตะที่มีแรงบันดาลใจจากการได้ชม ได้สัมผัสกับนักเตะระดับโลก จนวันนึงนักเตะระดับโลกผู้นั้น คือคู่ต่อสู้ของเขาในสนามการแข่งขันจริง ๆ

นักเตะผู้นั้นมีชื่อว่า “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ขวัญใจชาวไทยที่ตอนนี้เล่นให้กับทีม คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น

ล่าสุดเขาลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องปะทะทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่มี “ไอดอล” อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นด้วย

ชนาธิป ถูกส่งลงเล่นเป็น 11 คนแรก และได้ลงสนามไปทั้งหมด 56 นาที เกมดังกล่าวผลจบลงด้วยชัยชนะของ “เปแอสเช” ที่เก็บชัยเหนือ คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ทีมแชมป์เจลีก ญี่ปุ่น ฤดูกาลที่แล้ว

หลังจบเกม ชนาธิป ไปดักรอขอลายเซ็นไอดอลของเขา เพื่อเป็นที่ระลึกในชุดแข่งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถึงแม้จะเปลี่ยนตัวออกไปตั้งแต่ต้นครึ่งหลังไม่นานหลังการทักทายและแจกลายเซ็นให้แล้ว ทั้งคู่มีการโบกมือทักทาย และส่งยิ้มให้กันอีกด้วย

จะบอกว่านี่คือโมเมนต์หนึ่งแม้จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีชื่อเสียงแล้วก็ตาม แต่ก็เก็บเอาความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว ถึงขนาดไม่ยอมเปลี่ยนชุด กลัวพลาดไม่ได้ลายเซ็น ลิโอเนล เมสซี่

นี่แหล่ะครับ ข้อดีหนึ่งของการมีไอดอล และพยายามทำให้ตัวเองมีศักยภาพในแบบที่ไอดอลเป็น จนฉายาในเมืองไทยของเขาก็คือ “เมสซี่เจ”

เรื่องราวแบบนี้คือตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทย ทำให้เด็ก ๆ ที่มีโอกาสได้รับรู้ เอาไปใช้กับตัวเองได้ เชื่อว่าวันนึงเราอาจจะมีนักเตะคนไทยที่มีไอดอลของตัวเอง พัฒนาทักษะของตัวเองให้เป็นดั่งไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบเกิดขึ้นมาอีกหลายคน

ในอดีต การสร้างแรงบันดาลใจแบบนี้ก็เกิดขึ้นมาแล้วจากการ์ตูนที่เกี่ยวกับฟุตบอลที่ชื่อ “กัปตันซึบาสะ” ของประเทศญี่ปุ่น

ความใฝ่ฝันที่จะทำให้ทีมชาติญี่ปุ่น ได้มีชื่อเสียงในระดับโลก ได้ไปแข่งฟุตบอลโลก และหลังจากการเกิดขึ้นของการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่นาน ทีมชาติญี่ปุ่นมีพัฒนาการทั้งเรื่องนักเตะ สโมสร และลีกที่เข้มแข็ง จนทีมชาติญี่ปุ่นกลายเป็นทีมอันดับ 2 ของเอเชีย และอันดับ 24 ของโลก จากการอันดับของฟีฟ่า

แรงบันดาลใจเล็ก แม้จากการ์ตูน แม้จากการเข้าไปชมเกมในสนาม หรือแม้ดูการถ่ายทอดทางทีวี มันมีพลังที่จะทำให้คนบางคนหันมาเอาดีทางด้านฟุตบอลได้

หากมีหลายคน มีหลายส่วนร่วมกัน แน่นอนว่าพัฒนาการด้านนี้จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ

by TTDad

เครดิตภาพ FB Songkhla FC , FB สำนักงาน กกท. จังหวัดเชียงใหม่ , FB Chanathip Songkrasin 

Warut