ประเทศไทยเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว เดือนนี้ก็เป็นเดือนรองสุดท้ายของปี 2565 ก่อนจะมีกิจกรรมที่ไม่ได้จัดงานมาหลายปีแล้ว “ลอยกระทง” จากผลพวงของการแพร่ระบาดของโควิด-19
นัยว่าปีนี้คงจัดงานกันเอิกเริก อัดอั้นกันมานานหลายปีดีดัก และเป็นห้วงเวลาของปีที่เงินจะสะพัดไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ
สัปดาห์ที่แล้วข่าวช็อกเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดมาจากเมาแล้วขับ ของนักเตะสโมสรดังของประเทศ ซึ่งก็อย่างที่ทราบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด ที่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ กำลังออกกำลังกาย
กระแสสังคมส่วนใหญ่พุ่งไปที่สโมสรต้นสังกัด เพื่อให้แสดงบทลงโทษให้สาสมต่อความผิดที่เกิดขึ้น แรกเลยสโมสรมีการสั่งลงโทษ โดยที่จะไม่ส่งลงสนามแต่ไม่ถึงขนาดจะยกเลิกสัญญา จนนำมาซึ่งกระแสความไม่พอใจที่สโมสรไม่เด็ดเดี่ยวพอที่จะลงโทษ
จนในที่สุด สโมสรต้นสังกัดก็มีการออกแถลงการณ์ว่าได้ทำการยกเลิกสัญญาการเป็นนักเตะของสโมสร และจะอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
มีการชดเชยให้กับผู้เสียหาย ทั้งตัวเงินและค่ารักษาพยาบาลจนกว่าจะหาย ก็คงทำให้กระแสสังคมที่ถาโถมเข้าใส่สโมสรเบาบางลงได้
นั่นแหล่ะครับอุบัติเหตุ ถ้าว่าเมื่อเกิดแล้วก็มี 2 เรื่องที่จำต้องมาพูดกันคือ ความรับผิดทางกฎหมาย และค่าชดเชยที่ต้องจ่ายให้กับผู้เสียหาย โดยเฉพาะเรื่องหลัง เมื่อมันย้อนเหตุการณ์ไปไม่ได้แล้ว การเดินหน้าจะทำอย่างไรเพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังของผู้เสียหายจะดำเนินชีวิตต่อไปโดยที่มีสิ่งที่ขาดหายไปน้อยที่สุด
มากันที่ฟุตบอลในบ้านเรากันต่อครับ ความเคลื่อนไหวของฟุตบอลนอกจากเกมฟุตบอลแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องให้ติดตามก็คือการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนของหลายทีมที่เกิดขึ้น ทั้งในลีกสูงสุดและลีกรองลงไป
สิ่งที่ทำให้แฟนบอลหลายคนคาดไม่ถึงคือการปลด มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น ก่อนที่สุดท้ายจะแต่งตั้ง แมตต์ สมิธ อดีตกองหลังของทีมช่วงปี 2015 – 2018 กลับมารับใช้สโมสรในตำแหน่งกุนซือคนใหม่แทน
เหตุหนึ่งที่มีการเปิดเผยภายหลังก็คือ “เทกุ ซัง” ไม่อาจใช้งานนักเตะระดับท็อปของสโมสรได้ ทำให้ผลงานของทีมไม่ดีเอาเสียเลย โดนเฉพาะในเกมเยือน
คงไม่ต้องอธิบายว่านักเตะระดับท็อปที่ว่านั้นเป็นใคร เพราะจากความเคลื่อนไหวที่มีมาก่อนหน้านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ความไม่ลงรอยนั้นเกิดกับนักเตะผู้ใด
นี่ก็เป็นอีกปัญหาของทีมที่มีบรรดาสตาร์หลายคนในทีม ไม่ใช่แค่สยามประเทศ แต่ทุกลีกที่มีสตาร์ล้นทีมต่างก็เจอปัญหาแบบนี้ เพียงแต่ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน วลีเด็ดที่เราคุ้นหูคือ “เล่นไล่โค้ช” ผลงานไม่ดี โค้ชไปก่อนแน่นอน
อีกทีมก็เป็น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ประกาศแยกทางกับ คาร์ลอส เอดูอาร์โด ปาร์เรรา หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวบราซิล หลังจบเกมที่บุกไปเสมอ พีที ประจวบ เอฟซี 1 – 1 ที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ผลงานในฤดูกาลนี้ของ จงอางผยอง เล่นไป 11 นัดมี 7 คะแนนรั้งอันดับที่ 14 ของตาราง ในโซนตกชั้น
คนที่เข้ามาสานต่อเพื่อการดิ้รนหนีตกชั้น ถือว่าเป็นการเลือกที่เข้าท่าเข้าทาง “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในการพาทีมหนีตกชั้น
ส่วนที่จะไปร่อมร่อ จนถึงขนาดเดิมพันเก้าอี้ตัวเอง “ผมขอเรียกว่าการเต้นรำครั้งสุดท้าย บางคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องเศร้า แต่สำหรับตัวผมมันเป็นสิ่งที่น่ายินดี ผมอยากให้แฟนคลับเข้ามาชมมาเชียร์ ผมอยากให้มันจบต่อหน้าแฟนบอลกับสนามที่ผมคุ้นเคย”
ประโยคจากปากของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่มีวลีเด็ด “The Last Dance” แปลเป็นไทยก็คือ “การเต้นรำครั้งสุดท้าย” ณ วันที่ผลงานของทีมจมดิ่งอย่างที่ไม่ควรจะเกิดกับยอดทีมของประเทศ หลังพาทีมแพ้โปลิศ เทโร เอฟซี 1 – 2 ต่อหน้าแฟนบอลที่ธันเดอร์โดม
ผลงานที่ไม่ชนะใคร 5 นัดติดต่อกัน และเก็บ 3 แต้มได้เพียงแค่นัดเดียวจาก 9 นัดที่ลงเล่นในไทยลีก เก้าอี้ของเขาจึงร้อนเป็นไฟ เจียนอยู่เจียนไป “ฮิมต๋าย ฮิมยัง”
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องเลือกก็คือการวางเดิมพัน อันมีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนอันเปรียบเสมือนแม่ทัพเมื่อยามออกศึก เป็นเดิมพันในครั้งนี้
เรียกว่าทุบหม้อข้าวหม้อแกง เตรียมเปิดบ้านรอรับ พีที ประจวบ เอฟซี และไม่น่าเชื่อว่า ทีมที่มีผลงานกระท่อนกระแท่น จะกระหน่ำใส่ผู้มาเยือนไม่ยั้ง เป็นการเปิดฟลอร์เต้นรำที่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายให้กับ “มาริโอ้” ด้วยสกอร์ที่ชื่นมื่นแฟนบอล 5 – 0
นัดถัดมาที่ต้องบุกมาเยือน ลำพูน วอริเออร์ ที่เพิ่งได้ชัยชนะนัดแรกของฤดูกาล สกอร์ที่เกิดขึ้นที่ธันเดอร์โดมก็มาปรากฎอีกครั้งที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เบ็ดเสร็จ 2 นัดจากการประกาศเปิดฟลอร์เพื่อเต้นรำครั้งสุดท้าย เก็บไปได้ 6 แต้มเต็ม และ 10 ประตู ไม่ยอมเสียให้ใครเลยสักลูกเดียว
นี่ถือเป็นการโกหกของ “มาริโอ้” ที่บอกว่าจะเป็นการเต้นรำครั้งสุดท้าย แต่กลับกลายเป็น “Return of SuperMario” หรือ “การกลับมาของซูเปอร์มาริโอ้” แทนเสียนี่ พิสูจน์ให้เห็นว่า “การเต้นรำครั้งสุดท้าย” นั้นไม่มีจริง
รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์คงเป็นรางวัลที่คู่ควรมอบให้ พร้อมกับอุณหภูมิเก้าอี้ที่กลับมาเยือกเย็นอีกครั้งและน่าจะเหนียวแน่น หนีห่างจากสถานการณ์แบบ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” ไปได้
นัดต่อไปของ เมืองทอง ยูไนเต็ด คือการบุกไปเยือน ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่จะเป็นการคุมทีมนัดแรกของ “โค้ชเบ๊”
ส่วนผู้แพ้อย่าง ลำพูน วอริเออร์ เองก็ยังคงให้ความไว้วางใจ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ต่อไป ในขณะเพื่อนซี้ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เพิ่งขอพิจารณาตัวเองจากหน้าที่กุนซือ หนองบัว พิชญ เอฟซี ไปเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง และสโมสรก็แต่งตั้ง “ผอ.กล่ำ” ธีระเวคิน สีหะวงศ์ ผู้อำนวยการสโมสร กับทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่เหลืออยู่ดูแลทีมชั่วคราว จนกว่าจะหาโค้ชใหม่ได้ ถือเป็นรายที่ 3 ของไทยลีก 1 ฤดูกาลนี้
แน่นอนว่า เมื่อผลงานไม่ได้ตามเป้าหมาย การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหวยก็มักจะออกที่โค้ช อยู่ที่ว่าจะเป็นรางวัลเล็ก เช่น ย้ายไปเป็นประธานเทคนิค หรือโชคใหญ่ แยกย้ายกันไปเลยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสโมสร
เครดิตภาพ : FB KHON KAEN UNITED,สโมสรหนองบัวพิชญ เอฟซี, https://thaileague.co.th/
by TTDad