การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2020-2021 รูดม่านปิดฉากกันไปแล้วอย่างสมบูรณ์ หมายถึงทุกอย่างของฟุตบอลลีก ฤดูกาล ได้บทสรุปชัดแจ้งแล้วนั่นเอง
ไทยลีก 1 ปีนี้แชมป์ตกเป็นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสร ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่นทีมได้สิทธิ์เล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 ในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี จะได้เล่นในรอบเพลย์ออฟ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ)
ทีมที่ตกชั้นลงไปเล่นไทยลีก 2 มี 3 ทีม ได้แก่ ระยอง เอฟซี ตราด เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี โดยเฉพาะ สุโขทัย เอฟซี พวกเขาร่วงจากลีกสูงสุดในนัดสุดท้ายของฤดูกาล
มาที่ไทยลีก 2 หนองบัว พิชญ เอฟซี คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมสิทธิ์ทะยานไปเล่นลีกสูงสุดร่วมกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด รองแชมป์ และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่เป็นแชมป์เพลย์ออฟ ด้วยการเอาชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด
ทีมที่ร่วงมาเล่นไทยลีก 3 ก็คือ อุทัยธานี เอฟซี ไทยยูเนียน สมุทรสาคร เอฟซี และ ศรีสะเกษ เอฟซี ดดยนัดสุดท้ายพวกเขาบุกไปแพ้ แกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด 0 – 1 ทำให้ต้องมีอันร่วงลงมาเล่นในไทยลีก 3 อย่างเจ็บช้ำ
ไทยลีก 3 บทสรุปอันยาวนาน แม้จะถูกตัดจบลีกไปก่อนหมดฤดูกาล แชมป์ได้แก่ ลำพูน วอริเออร์ รองแชมป์ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด และอันดับ 3 ราชประชา ทั้ง 3 ทีมได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นไทยลีก 2
และเมื่อฟุตบอลลีกปิดฉากลง สิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือตลาดซื้อขายนักเตะก็เปิด เพราะช่วงที่ฟุตบอลปิดลีก สัญญาต่าง ๆ ของนักเตะกับสโมสรต้นสังกัดหลายรายก็มีอันจบลง
สิ่งที่ค่อนข้างคลาดเคลื่อนไปจากปกติก็คือห้วงเวลาของฟุตบอลลีกเมืองไทย แต่เดิมจะเป็นการแข่งขันในปีเดียวกัน โดยจะเริ่มกันในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และจะไปจบกันในเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ด้วยเหตุผลของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ทำให้จังหวะการแข่งขันถูกขยับออกไปจนทำให้เกิดการแข่งขันข้ามปี แน่นอน ส่งผลกระทบไปถึงระยะเวลาที่สัญญาระบุไว้ระหว่างนักเตะและสโมสร
แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ทุกอย่างกลายเป็นชีวิตวิถีใหม่กันไปหมด ทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า
มาว่ากันที่เมื่อตลาดเปิด ก็จะมีการโยกย้าย กันอยู่เป็นเรื่องปกติ ทีมที่เล่นจบไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นไทยลีก 1 – 2 – 3 ต่างก็เริ่มขยับตัวโดยเฉพาะทีมที่มีสัญญาณการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ ก็เริ่มมองหาผู้เล่นที่จะใช้ในฤดูกาลหน้า เพราะต้องยอมรับอย่างนึงว่า ทุกปีเมื่อจบฤดูกาล มักมีข่าวเล็ดลอดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพักทีม ยุบทีม หรือเปลี่ยนมือคนทำทีม
แต่ก็นั่นแหล่ะครับ เมื่อมันเป็นกระแสข่าว อาจจะมีทั้งจริง และไม่จริง อยู่ในกระแสข่าวพวกนั้น ก็คงต้องรอให้ถึงใกล้จะเปิดลีกในช่วงปลายเดือน กรกฎาคม ทุกอย่างคงกระจ่างชัด
การเสริมตัวผู้เล่น หลักใหญ่ใจความคงต้องไปมองกันที่เป้าหมายของทีมในฤดูกาลหน้า บวกกับงบประมาณในการทำทีม ว่าจะมีทิศทางไปทางไหน ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีทีมที่เสริมตัวผู้เล่นแบบ “ว๊าวกันทั้งบาง” อยู่เป็นประจำ
โดยเฉพาะทีมที่มีเป้าหมายชัดเจนอย่างเช่น อยากเลื่อนชั้น แน่นอนว่าการเสริมทีมต้องยกระดับทีมให้เหนือกว่าคู่แข่งร่วมลีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตามเป้าหมาย
หลายทีมมีการเซ็นสัญญากับนักเตะที่เรียกว่าเป็น “มือปืนรับจ้าง” โดยเฉพาะ “รับจ้างพาเลื่อนชั้น” ซึ่งมีอยู่ในทุกลีกของบอลไทย
มือปืนบางราย อายุอานามก็ต้องบอกว่า อยู่ในวัยที่ใกล้แขวนสตั๊ดเต็มที แต่มือปืนเหล่านี้ เต็มไปด้วยความแก่กล้าในอาชีพค้าแข้ง เปรียบดั่งเกจิอาจารย์ทางด้านเกมลูกหนังกันทั้งนั้น
แฟนบอลหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมหลายสโมสรเลือกที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะเหล่านี้ บางรายมองว่า อายุของพวกเขา แก่เกินกว่าจะใช้งาน เหตุใดไม่เซ็นกับนักเตะที่อายุน้อย ใช้งานได้นาน ๆ
เมื่อเป้าหมายคือการเลื่อนชั้น ไม่ใช่การสร้างทีมในระยะยาวในลีกปัจจุบัน เหตุผลที่เลือกผู้มีประสบการณ์จึงเหมาะสมมากกว่า โดยเฉพาะนักเตะที่มีประสบการณ์ในลีกสูงสุด
แน่นอนว่านักเตะ “บิ๊กเนม” เมื่อชีวิตการค้าแข้งใกล้ถึงเวลาจะปิดฉาก พวกเขาหลายคน เลือกที่จะหาความท้าทายให้กับตัวเอง ด้วยการลงมาเล่นในลีกที่ต่ำกว่าที่พวกเขาเคยอยู่ ซึ่งนี่จะเป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างให้กับตัวเองว่ายังดีพอ หรือยังมีเวลาที่จะได้เล่นเกมฟุตบอลลีกได้อีกนานแค่ไหน
นับจากนี้ไปจนถึงก่อนปิดตลาด การเซ็นสัญญาที่สามารถชิงพื้นที่ข่าวหน้ากีฬาน่าจะยังคงมีให้เห็นอีกเป็นแน่แท้ เพราะแต่ละทีมที่เป็นข่าวในตอนนี้ ต่างก็มีเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยที่จะคอยยกระดับทีมของตัวเอง
และนักเตะบิ๊กเนมรายต่อไปที่จะไปเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ กับทีมในลีกไหน คงต้องมาตามดูกันต่อไปครับ อย่ากระพริบตา สัปดาห์หน้า
ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad