ถึงแม้เราทุกคนจะทราบดีว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์อย่างไร แต่การจัดสรรเวลาออกกำลังกายท่ามกลางการใช้ชีวิตอันรีบเร่งนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย ไม่ว่าเราจะมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากแค่ไหน เวลา (หรือการไม่มีเวลา) มักเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้เราไม่สามารถออกกำลังได้ตามความตั้งใจ อย่างไรก็ตาม สาระดีดีฮิมสนาม เรามีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดสรรเวลาออกกำลังกายได้อย่างเพียงพอและได้ผล ซึ่งคุณจะเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือทุกวิธีก็ได้ ไม่เรียงตามลำดับ
1. วางแผนออกกำลังกายล่วงหน้า หยิบปฏิทินออกมาแล้วมองหาเวลาว่างสำหรับออกกำลังกายในบันทึกประจำวันของคุณ จากนั้นทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด หากคุณวางแผนไว้ล่วงหน้า คุณมักจะพบว่าคุณมีเวลามากกว่าที่คิดและจะมีโอกาสทำตามแผนได้มากขึ้น พยายามจัดระเบียบตารางเวลาให้ดี หากคุณใช้บันทึกประจำวัน ให้จดทุกอย่างลงไป เช่น นัดหมายอื่นๆ กิจกรรมของโรงเรียนและของลูก ประชุมของบริษัท จากนั้นแปะไว้บนผนังให้ทุกคนเห็น ใช้บันทึกประจำวันเตือนตัวเองว่าคุณมีเวลาออกสำหรับกำลังกาย รวมถึงทำกิจกรรมอย่างอื่น หากคุณพยายามจะลดน้ำหนักหรือทำตามเป้าหมายด้านสุขภาพใดๆ ให้ระบุวันที่ไว้ด้วย
2. ขโมยเวลาในแต่ละวันมาออกกำลังกาย การ ‘เจียด’ เวลาในส่วนที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ทำอะไรมาออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายที่ปกติคุณทำไม่ค่อยได้ ตัวอย่างเช่น การตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อให้มีเวลามาวิ่งหรือว่ายน้ำในตอนเช้า คุณจะรู้สึกดีไปตลอดวันเพราะได้ออกกำลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว!
3. ลดการดูโทรทัศน์ลง หลายคนใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับการดูรายการโทรทัศน์ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรน่าจดจำ ดูโทรทัศน์รายการโปรดและบันทึกรายการที่คุณต้องการดูในภายหลัง จากนั้นสังเกตดูเวลาที่คุณเสียไปกับการนั่งหน้าโทรทัศน์ แล้วใช้เวลาเหล่านั้นมาออกกำลังกายแทน หากเลี่ยงไม่ได้ ให้คุณดูรายการโทรทัศน์แต่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอในห้องออกกำลังกายของคุณไปพร้อมกันด้วย!
4. เตรียมพร้อมเสมอคุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีเวลาออกกำลังกายเมื่อไหร่ ดังนั้นควรเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เก็บชุดออกกำลังกายไว้ในรถและหาโอกาสออกกำลังกายเมื่อมีเวลา เก็บชุดออกกำลังกายไว้ในรถสักสองสามชุด รวมทั้งผ้าขนหนูและอุปกรณ์อาบน้ำทั่วไป เพื่อให้คุณได้อาบน้ำเพิ่มความสดชื่นหลังจากวิ่งหรือออกกำลังกายเสร็จ
5. ทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน คุณสามารถใช้เวลาตอนออกกำลังกายทำอย่างอื่นไปด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวิ่งจ็อกกิ้งหรือออกกำลังกายโดยใช้อุปกรณ์ในโรงยิม ฟังหนังสือที่คุณอยากฟังมานาน ฟังเพลงหรือรายการวิทยุที่ยังหาเวลาฟังไม่ได้โดยใช้เครื่องเล่น MP3 พยายามอย่าทำงานระหว่างออกกำลังกาย คุณควรทำให้การออกกำลังกายเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานและแยกจากการทำงาน
6. หาเพื่อนออกกำลังกายคุณอาจจะมีช่วงเวลาดีๆ เมื่อร่างกายกระชับแข็งแรงขึ้น แต่หากเพื่อนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ความขุ่นเคืองใจอาจเกิดขึ้นได้ การมีเพื่อนคอยสนับสนุนไม่เพียงเป็นการยินยอมให้คุณใช้เวลาว่างมาออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพด้วย เช่นเดียวกับการจัดสรรเวลาออกกำลังกายของคุณ ให้เพื่อนของคุณทำตารางเวลาของตัวเองด้วย ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั้งหมดล้วนเกิดจากการให้และการรับ!
7. หากคุณมีครอบครัวชวนสมาชิกคนอื่นในครอบครัวมาออกกำลังกายด้วยกัน หากคุณมีลูก ชวนลูกๆ มาทำกิจกรรมด้วยกันเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับคุณด้วยและการสร้างสุขภาพของคุณไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพในการใช้เวลากับพวกเขา เริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งกับลูกที่โตแล้ว จำไว้ว่าหากพวกเขาเห็นคุณออกกำลังกายและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น พวกเขาอาจจะชอบออกกำลังกายเมื่อโตขึ้น ชวนพวกเขามาดู ร่วมออกกำลังกาย และถามคำถามเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
8. เตรียมตัวถอยหลัง ถึงแม้ว่าคุณจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่บางเวลาคุณแค่รู้สึกว่าทำได้ไม่ดีและจำเป็นต้องพักการออกกำลังกาย ให้คุณยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เตรียมตัวรับมือโดยไม่เสียกำลังใจ แล้วกลับมาออกกำลังกายอย่างมุ่งมั่นในวันถัดมา จดบันทึกการออกกำลังกายเพื่อรักษาระดับแรงจูงใจหรือติดตามความคืบหน้าในการออกกำลังกายทางออนไลน์ เมื่อคุณย้อนกลับไปมองความพยายามและผลลัพธ์อยู่เสมอ คุณจะกลับมาออกกำลังกายอีกครั้งได้ง่ายขึ้นหากบางอย่างไม่เป็นไปตามแผน
แหล่งข้อมูล : ดร. โรเจอร์ เฮนเดอร์สัน