โดยปีนี้ “นกฮูกจอมห้าว” เน้นใช้งานเด็กอคาเดมีผสมอดีตแข้งเก๋าจาก พิษณูโลก เอฟซี อุตรดิตถ์ เอฟซี และสุโขทัย เอฟซี เชื่อหากทีมได้ไปต่อก็พร้อมกลับไปลุยลีกอาชีพเต็มตัว
“หลังจากที่ผมแขวนสตั๊ดกับทีมอุตรดิตถ์ เอฟซี ผมก็ผันตัวเองมาเป็นโค้ชฟุตบอลอคาเดมีพร้อมกับเล่นฟุตบอลเดินสายไปด้วย พอมีการแข่งขัน T5 ผมก็มีโอกาสได้เล่นให้กับเพชรบูรณ์ ยูไนเต็ด และ ในปีนี้ก็เป็น ศรีนครทาวน์ ที่ผมมีหน้าที่ดูแลเด็กในอคาเดมี่อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเด็กคนไหนที่พอจะมีแววและแข็งแกร่งพอก็จะดันให้ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งในการแข่งขัน T5 ครั้งนี้เราก็ได้ ศุภกรณ์ นาคน้อย มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน รวมถึงแข้งเก๋าที่เคยเล่นให้กับพิษณุโลก เอฟซี อุตรดิตถ์ เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี เข้ามาช่วยประคองน้องไม่ว่าจะเป็น พิเชษฐ ฮาวกองแก้ว, เชาวลิต บริวาร , พิชิตพล บริวาร, ศุภัช เรืองรุ่ง หรืออีกหลายๆ คนก็ล้วนแล้วแต่มากด้วยประสบการณ์
ส่วนตัวผมเองปีนี้ก็ต้องคอยติดต่อประสานงานหลายๆด้านเหมือนเป็นผู้จัดการทีมไปในตัว แม้ผมจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแต่การใช้ชีวิตของผมไม่เคยเปลี่ยนยังเดินทางไกลเพื่อไปฝึกซ้อมกับทีมอยู่เป็นประจำเพียงแต่เปลี่ยนเส้นทางจากพิษณุโลกไปกลับอุตรดิตถ์ เป็นไปกลับสุโขทัยแทน ตอนนี้ตัวผมเองก็อายุ 39 ปี ผมคิดว่าถ้าผมรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอและหากทีมได้มีโอกาสเข้าไปเล่นลีกอาชีพเต็มตัว ผมก็พร้อมจะกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง ผมถือว่าโชคดีที่ผมไม่มีอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรง จึงทำให้ผมไม่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายครับ”
พ.อ.อ. ชัยวัฒน์ พึ่งศิริ หรือ จ่าเหน่ง ปัจจุบันรับราชการทหารอากาศที่กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก เคยเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับสโมสรพิษณุโลก เอฟซี และ อุตรดิตถ์ เอฟซี ซึ่งเจ้าตัวต้องเดินทางร่วมร้อยกิโลเมตรในการไปฝึกซ้อมกับทีมทุกวัน แม้ทุกวันนี้จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้วก็ยังต้องเดินทางไปฝึกซ้อมให้กับอคาเดมี่ศรีนครทาวน์ จึงเป็นที่มาของฉายา “ทหารทรหด”
เครดิตภาพ FB จ่าเหน่ง สะเด่วแห้ว