หากจะพูดถึงเกมส์การแข่งขันในรอบ “แชมเปียนส์ลีก” ถ้าพูดถึงในอดีตการแข่งขันฟุตบอลลีกภูมิภาคบ้านเราก็เริ่มมาตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบันวันนี้ก็ 11 ปีมาแล้ว ซึ่งในอดีตนั้นปีแรกทีมแชมป์และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่มถือเป็นทีมที่จะได้เข้าไปเล่นในรอบ “แชมเปียนส์ลีก” หรือการแข่งขันแบบ “มินิลีก” และจะมีทีมอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุดบางโซนได้ติดสอยห้อยตามขึ้นมาด้วย ในอดีตเรียกว่าเป็นการเลื่อนชั้นจาก ดิวิชั่น 2 มาเล่น ดิวิชั่น 1 แล้วก็ปรับมาเป็น T4 ขึ้นมาเล่น T3 แบ่งเป็นโซนล่าง โซนบน จนพิษโควิดทำให้ T3 และ T4 มารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วในรอบแชมเปียนส์ลีกของปัจจุบันคือ ขยับจาก T3 ไปเล่น T2 และในโซนเหนือของเราก็ได้บทสรุปดังนี้คือ ลำพูน วอริเออร์ ได้ผ่านเข้าไปเล่นแชมเปียนส์ลีกในฐานะแชมป์โซนเหนือ และพิษณุโลก เอฟซี ที่เข้ารอบด้วยการเพลย์ออฟกับ แม่โจ้ ยูไนเต็ด ซึ่งส่วนหนึ่งของ “ขุนพลนเรศวร” พิษณุโลก เอฟซี มี 2 นักเตะที่ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวกับ แชมเปียนส์ลีกมาถึง 6 ครั้ง คือ “โต้ง” ศิตธิชัย คุ้มญาติ มิดฟิลด์ร่างเล็ก วัย 34 ปี และ “แก่นซ่า” กฤษณ์ ภิญโญ ผู้รักษาประตูและโค้ชผู้รักษาประตู วัย 37 ปี ที่ ตั้งวงเล่า วันนี้จะพามาดูเส้นทางและความรู้สึกของทั้งคู่ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง
เส้นทางแชมเปียนส์ลีก
เริ่มต้นที่ “โต้ง” ศิตธิชัย คุมญาติ “ ผมได้มีโอกาสเล่นแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกตอนที่ผมเล่นให้กับ พิจิตร เอฟซี ในปี 2010 ตอนนั้นเราได้ไปในฐานะทีมอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นดิวิชั่น 1 ปีนั้นน่าจะเป็นเชียงใหม่ กับ ชัยนาทที่ได้ไป แล้วก็ได้มาเล่นอีกครั้งหนึ่งกับ พิจิตร เอฟซี เหมือนเดิมก็ได้แต่เล่นในรอบแชมเปียนส์ลีกไม่ได้เล่นดิวิชั่น 1 ปีนั้นน่าจะเป็นราชบุรี ที่ได้เล่นดิวิชั่น 1 ส่วนในครั้งที่ 3 ผมเล่นให้กับ พิษณุโลก เอฟซี ก็ยังไม่ได้ผ่านไปเล่นดิวิชั่น 1 จนผมย้ายมาอยู่ลำปาง เอฟซี ในปีที่ 2 ผมได้เล่นรอบแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในฐานะแชมป์ภาคเหนือพร้อมกับการผ่านขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลต่อไป ส่วนอีกครั้งหนึ่งตอนนั้นปรับเป็น T4 ผมเล่นให้กับ วัดโบสถ์ ซิตี้ ซึ่งตอนนั้นถือเป็นทีมน้องใหม่ไต่มาจาก T5 อเมเจอร์ลีกในปีแรกแต่นักเตะส่วนใหญ่ก็มากประสบการณ์ผ่านการเล่นในแถบนั้นมาเยอะไม่ว่าจะเป็น พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย เราก็ได้ผ่านขึ้นไปเล่น T3 โซนบนก่อนจะมารวมกันกับ T4 เป็น T3 โซนเหนือ ผมย้ายไปเล่นให้พิษณุโลก เอฟซี เป็นทีมล่าสุดและก็ได้ผ่านเข้ารอบแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในนามพิษณุโลก เอฟซี ครับ”
โดยสรุปแล้ว “โต้ง” ผ่านการเล่นรอบแชมเปียนส์ลีก 6 ครั้ง กับ 4 ทีม ประกอบไปด้วย พิจิตร เอฟซี 2 ครั้ง พิษณุโลก เอฟซี 2 ครั้ง ลำปาง เอฟซี 1 ครั้ง และ วัดโบสถ์ ซิตี้ 1 ครั้ง
อีกรายหนึ่งคือ “แก่นซ่า” กฤษณ์ ภิญโญ ที่ในปีนี้นอกจากจะทำหน้าที่โค้ชแล้วก็ยังส่งชื่อตัวเองเป็นผู้เล่นด้วย “ผมเองเริ่มต้นกับเชียงใหม่ เอฟซี ในฤดูกาล 2010 ก็ได้แชมป์โซนเหนือจนได้อันดับ 3 รอบแชมเปียนส์ลีกได้เลื่อนชั้นมาเล่นดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลต่อมาผมก็ยังอยู่กับทีมต่อจนทีมตกชั้นมาเล่นดิวิชั่น 2 อีกครั้งและก็ได้แชมป์โซนเหนือ ได้เล่นแชมเปียนส์ลีกก็ถือเป็นครั้งที่ 2 ของผมแต่ไม่ได้เลื่อนชั้นไปเล่นดิวิชั่น 1 ก็ยังอยู่กับทีมอีกฤดูกาลแล้วก็ได้แชมป์ได้ไปเล่นแชมเปียนส์ลีกอีกเป็นครั้งที่ 3 จนทีมได้เลื่อนชั้นผมก็ย้ายไปเล่นให้กับหัวหิน ซิตี้ ในฤดูกาลต่อมาก็ได้ไปแชมเปียนส์ลีกกับหัวหินตั้งแต่ปีแรกและก็ได้เล่นแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในปีต่อมา จนล่าสุดก็เป็นพิษณุโลก เอฟซี ในปีล่าสุดนี้ครับ”
ความรู้สึกในครั้งล่าสุดกับครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเป้าหมาย
โต้ง “สนุกเหมือนเดิมครับ ลุ้นกันเหมือนเดิมก็ถือได้ว่าไม่ต่างกันมากครับลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายแต่ถามว่าครั้งก่อนๆ ไม่มีเหตุกาณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแบบนี้ แต่ก็สนุกไปคนละแบบ สำหรับเป้าหมายในรอบแชมเปียนส์ลีกผมว่าพวกเรามีการเตรียมทีมกันอย่างต่อเนื่องผมคิดว่าทีมเราน่าจะมีลุ้นที่จะได้เลื่อนชั้นเหมือนกันครับก็จะทำให้เต็มที่ครับ”
แก่น “ปีนี้ผมจะทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้รักษาประตูเป็นส่วนใหญ่ ส่วนครั้งที่ผ่านมาผมจะอยู่ในฐานะผู้เล่นแบบเต็มตัวมีโอกาสได้ลงเล่นในสนามบ้างแต่ตอนนี้ด้วยหน้าที่อาจจะต่างไปบ้าง แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิมสนุกครับ ในส่วนของเป้าหมายเราก็ต้องทำเต็มที่เพราะเป้าหมายก็คือทำให้ดีที่สุดครับ”
Phitsanulok Football Club/